
21 ตุลาคม 2568 ที่พรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนางตรีนุช เทียนทอง , นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค และนายภัครธรณ์ เทียนไชย รักษาการเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยกรรมการบริหาร แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครกว่า 100 คน และเปิดที่ทำการพรรคแห่งใหม่ ย่านบางโพ ภายหลังนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลาออกไปสมัครพรรคภูมิใจไทย ทำให้ต้องหาที่ทำการพรรคใหม่จากเดิม อาคารรัชดาวัน ย่านรัชดาภิเษก ของนายสันติ
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า กรรมการบริหารพรรคบางคน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ไม่ได้เข้าร่วมด้วย โดยมีรายงานว่า นายชัยวุฒิ ว่าได้ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐขณะนี้ มีอดีตนักการเมืองที่มีประสบการณ์มาอยู่กับเราเยอะ ขณะเดียวกันหัวหน้าพรรคก็ได้มีการลงนามแต่งตั้งประธานที่ปรึกษาพรรคคือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง มาให้คำแนะนำคณะกรรมการบริหารพรรค ในการที่จะสร้างสรรค์พรรคให้เติบโตขึ้นไป ตามแนวทางนโยบายที่พลเอกประวิตรได้มอบหมายไว้ให้
และยังมีอดีต สส. อดีตรัฐมนตรี ที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงการเมืองในประเทศเป็นไปในทิศทางไหนเชื่อว่า ประชาชนได้เห็นอยู่ตลอดเวลา และยังยืนยันว่า พลเอกประวิตร ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นที่รวบรวมคนเก่ง และคนดี เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ ต้องการคนดีต้องการคนที่มุ่งหวังที่ช่วยเหลือบ้านเมืองในการที่จะพัฒนาดูแลทุกข์สุข ของประชาชนแก้ปัญหาด้วยความเดือดร้อน ซึ่งจะเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของความมั่นคงในเรื่องของการเทิดทูนสถาบัน รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนและผู้สูงอายุ
เรื่องเหล่านี้หัวหน้าพรรคทำมาโดยตลอด และยังยืนยันที่จะทำต่อไปขอให้เชื่อมั่นว่า ในอนาคตอันใกล้พรรคพลังประชารัฐจะมีนโยบายที่ชัดเจนออกมาให้ได้เห็นอยู่ตลอดเวลา พรรคพลังประชารัฐเน้นคุณภาพทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ มีอุดมการณ์ร่วมกันในการที่จะทำงานการเมืองต่อไป หัวหน้าต้องการคนที่สุจริตโปร่งใสซื่อสัตย์ และคนดีเข้ามาอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะเดินหน้าแนวทางนี้ต่อไป
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐในการวางแผนอะไรบ้าง นายภัครธรณ์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐถือว่าเป็นพรรคเล็กๆ แต่เราก็มีความพร้อม และต้องการกำลังสำคัญจากทุกคน แต่ไม่ได้กำหนดว่าจะได้ สส.เท่าไหร่ แต่เป้าของเราอย่างน้อยอยากมี 50-60 คนขึ้นไป เพื่อจะได้มีความสามารถในการพัฒนาประเทศได้ อย่างน้อยก็ได้เป็นพักร่วมรัฐบาล พร้อมยืนยันนโยบายของหัวหน้าพรรคคือส่งทุกเขต
เมื่อถามว่า จุดแข็งที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐไปถึงเป้าหมายนั้น นายภัครธรณ์ กล่าวว่า คือนโยบาย คนที่มีความรู้ความสามารถทางการเมืองมาอยู่ที่พรรคเราจำนวนมาก และที่สำคัญนโยบายของพรรคชัดเจน วัฒนธรรม ประเพณี ความรักชาติชัดเจน วันนี้ประชาชนมีความกังวลและเชื่อว่า นโยบายของพรรคจะสร้างความมั่นใจสร้างความศรัทธาให้กับประชาชนได้ และมั่นใจในตัวของพลเอกประวิตรว่า มั่นคงในสิ่งต่างๆ เหล่านี้และส่งผลไปยังประชาชนได้ นี่คือจุดแข็งของพรรค
ขณะที่เรื่องของแคนดิเดตยังต้องรอการประชุมอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะเป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าว พรรคพลังประชารัฐได้เปิดโอกาส ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพลเอกประวิตร ซึ่งพลเอกประวิตรกล่าวขึ้นมาว่า "หมดแล้วนี่ เลขาพูดไปหมดแล้วนี่"
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวด้วยว่า“ฝากบอกถึงสมาชิกพรรคทุกคน ไม่ต้องห่วง ทำเต็มที่ พรรคยังอยู่ สู้กันต่อไป พร้อมสู้อยู่แล้ว”
ทั้งนี้ ก่อนที่จะประชุมกรรมการบริหารพรรค พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค สส.พรรค และว่าที่ผู้สมัคร สส. ประกอบด้วย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะมาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค , นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) , นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีต สส. ขอนแก่น พรรค พปชร. , นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) , นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต สส.ลพบุรี พรรค พท. , นายนิยม เวชกามา อดีต สส.สกลนคร พรรค พท. , นายไกร ดาบธรรม อดีต สส.เชียงใหม่ พรรค พท. , นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต สส.เชียงใหม่ พรรค พท. อดีตที่ปรึกษา รมว.วัฒนธรรม ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน , นายศักดา คงเพชร อดีต สส.ร้อยเอ็ด พรรค พท. , นายอนันต์ ศรีพันธุ์ อดีต สส.อุดรธานี พรรค พท. ,นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ อดีต สส.นครพนม และนางมุกดา พงษ์สมบัติ อดีต สส.ขอนแก่น พรรค พท. เดินมาร่วมแถลงข่าวด้วย
ขณะที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวถึงการกลับเข้าสู่วงการการเมือง หลังจากที่ห่างหายไปนานว่า ตนไม่ได้ยุ่งการเมืองมาหลายปีแล้ว แต่สถานการณ์ปัจจุบัน พลเอกประวิตร ได้มาเชิญตนซึ่งเป็นรุ่นพี่ ขอให้มาช่วยดูแล ตนดูสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยุ่งเหยิงซื้อตัวกันเหมือนซื้อตัวนักฟุตบอล ตนก็จะมาให้คำแนะนำพรรค เรื่องการเมืองวุ่นวายด้อยค่าสถาบันฯ สถานการณ์ความมั่นคงก็วุ่นวาย ตนก็ใช้ประสบการณ์ตรงนี้มาแนะนำเป็นที่ปรึกษาเฉยๆ ไม่ได้ลงผู้แทน ใช้ประสบการณ์ที่มีแนะนำพรรคเท่านั้น ทั้งทางด้านความมั่นคงและการเลือกตั้ง
เมื่อถามถึงกลยุทธ์ของการได้ สส.ภาคอีสานนั้น พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า จะใช้ประสบการณ์ ที่คุมภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย แล้วได้ สส.มา 126 คน จาก 136 คน จากสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคนี้เหลือผู้แทนอยู่คนเดียว คนอื่นเปิดตัวกันไปหมดแล้ว ซึ่งในส่วนของภาคอีสานต้องมาดูในตัวของผู้สมัครว่าใครไหวเท่าไร และควรจะดำเนินการอย่างไร คนเก่าๆ ส่วนมากรู้จักตน ก็ต้องมาดูก่อน นี่เพิ่งมาวันแรกยังไม่รู้เรื่อง ผู้สมัครมีเยอะอยู่แล้วแต่ได้แค่สมัคร แต่จะสู้ได้อย่างไรตนก็จะแนะนำตามที่ตนมีประสบการณ์ ซึ่งการที่เข้ารับตำแหน่งในวันนี้จะเน้นดูภาคอีสาน
ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นอกเหนือจาก พลเอกประวิตร แล้วยังไม่มีการพูดคุยกันเพิ่มเติม ตนเพิ่งมาวันแรกยังไม่มีใครในใจ ตนเองมาเป็นที่ปรึกษามาช่วยแนะนำ ไม่ว่าในเรื่องของการเลือกตั้งหรือนโยบายด้านความมั่นคงซึ่งตนมีประสบการณ์อยู่
เมื่อถามว่า วิเคราะห์สนามเลือกตั้งอย่างไรบ้าง พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า แต่ละพรรคสู้กันดุเดือด เราก็ต้องขยายนโยบาย วิธีการให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ใช่ซื้อทุ่มกันลูกเดียว
ผู้สื่อข่าวยังถามติดตลกว่า ยังดูแข็งแรงอยู่ ไปทำอะไรมา พล.อ. ธรรมรักษ์ กล่าวว่า 87 แล้วยังตีกอล์ฟอยู่ พร้อมหัวเราะ