
ดีลการเมืองมักจะเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร เมื่อปรากฏภาพถ่ายการ่วมโต๊ะของบ้านใหญ่เพชรบูรณ์ อย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) , นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ร่วมกับนายเนวิน ชิดชอบ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิไทยใจ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า นายสันติ และนายอัครเดช จะขนทีม สส.เพชรบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันสังกัดพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย
การแต่งตั้ง “ทีมสันติ” หรือ “ทีมมะขามหวาน” ของ คุณสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เป็นที่ปรึกษาของ “เสี่ยหนู อนุทิน” ในหมวก รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กลายเป็นภาพสะท้อนทางการเมืองที่ชัดเจนอีกระดับหนึ่งว่า จะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่นอน
ทำให้ต้องมีปฏิบัติการ “ดิ้นเพิ่มอำนาจต่อรอง” เหมือนกับปฏิบัติการของ “หัวหน้าพี (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) รมว.พลังงาน) + เลขาฯขิง (เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. รมว.อุตสาหกรรม)”
โดย “หัวหน้าพี” มีข่าวไม่ได้เข้าประชุม ครม. และไม่ปรากฏตัวมานานหลายสัปดาห์ ทั้งๆ ที่ถูก ป.ป.ช. และองค์กรอิสระตามหา ออกหมายเรียก ทว่าล่าสุดเมื่อมีปัญหาภายในพรรค โดนเขย่าเก้าอี้จาก 21 สส. “หัวหน้าพี” กลับปรากฏตัวได้ และไปนั่งยิ้มร่ากับ “เลขาฯขิง” และ “โฆษกมุ่ง” อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์
แต่การดึงกลุ่มมะขามหวาน เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย หากเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ ก็ไม่ได้ช่วยให้เพิ่มแต้มต่อ หรืออำนาจต่อรองในพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก 6 เสียงของ “กลุ่มมะขามหวาน” ปัจจุบันสังกัดพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว หากรวมตัวเลข สส.ภูมิใจไทย 69+6 จะกลายเป็น 75 เสียง ถ้าถูกปรับพ้น ครม. ก็ไม่มีผลกดดันรัฐบาล เนื่องจาก “คณิตศาสตร์การเมือง” ไม่ต่างจาก 69 เสียง เพราะ 6 เสียงที่มาเติม เป็นเสียงฝ่ายค้านอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้นับรวมกับรัฐบาล
ส่วนการจะนำ 6 เสียง มาต่อรองขอเพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรี ก็ทำไม่ได้ เพราะพรรคกล้าธรรม เติมมาแล้ว 5-6 สส. แต่ก็ไม่ได้เก้าอี้เพิ่ม และหากย้อนไปช่วงรัฐบาลลุงตู่ พรรคภูมิใจไทย ก็มี สส.เพิ่มจากพรรคที่ถูกยุบ และ สส.ย้ายเข้า รวมๆ แล้วราว 10 คน ก็ไม่มีผลเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ฉะนั้นผลบวกที่จะเกิดขึ้นกับการเติมเสียง “กลุ่มมะขามหวาน” น่าจะปรากฏชัดในการเลือกตั้งหนหน้ามากกว่า