
16 ตุลาคม 2568 อาจารย์กฤษฎา บุญเรือง นักวิชาการอิสระในสหรัฐฯ ได้แสดงความคิดเห็นกรณี กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ประกาศการยึดบิตคอยน์มูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 490,500 ล้านบาท จากขบวนการฉ้อโกงทางไซเบอร์ข้ามชาติรูปแบบ “Pig Butchering” ซึ่งมีการบังคับใช้แรงงานในประเทศกัมพูชา โดยขบวนการดังกล่าวนำโดย นายเฉิน “วินเซนต์” จื้อ (Chen “Vincent” Zhi) นักธุรกิจเชื้อสายจีนวัย 38 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group โดยมีรายงานว่า "Prince Group" มีความเชื่อมโยงตรงถึง ซาร์ ซกคา (Sar Sokha) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา และเครือข่ายธุรกิจที่มีพิรุธ ทั้งคาสิโน การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย และการลงทุนมหาศาลมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท
อาจารย์กฤษฎา ระบุว่า คดียึดทรัพย์ Prince Group และคดีอาญาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มีข้อสังเกตที่แตกต่างจากคดีอื่นๆ คือ
- เป็นการยึดทรัพย์โดยกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่มีจำนวนเงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
- ผู้เสียหายเป็นพลเมืองของหลายประเทศ และมีจำนวนมาก
- เป็นอาชญากรรมข้ามชาติยุคใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีไซเบอร์ต่างๆ
- มีหลักฐานการเชื่อมโยงอย่างเป็นทางการกับผู้นำระดับประเทศ เช่น ตำแหน่งที่ปรึกษาอดีตนายกฯ ฮุน เซน และนายกฯปัจจุบัน ฮุน มาเนต ซึ่งทางการกัมพูชาปฏิเสธไม่ได้
- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์ถูกกล่าวหาว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องหรือปล่อยปละละเลย
- สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การแข่งขันของมหาอำนาจ คือสหรัฐฯและจีน
**เป็นการดิสเครดิตความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งของจีนกับกัมพูชา
- มีความสุ่มเสี่ยงมากต่อเสถียรภาพของความมั่นคงในภูมิภาค
- ไทยอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง คดีนี้อาจมีหลักฐานผูกโยงมาที่บางบุคคลหรือบางคณะในไทย
**อาจถูกนำมาใช้เป็นประเด็นทางการเมืองในการเลือกตั้ง และส่งผลโดยตรงต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในกลางปีหน้า
- “เครือข่าย ฮุน เซน” น่าจะโดนกวาดล้าง และเกิดผลกระทบ 3 ระดับ
1.กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา
2.การประชุมสุดยอดอาเซียน
3.การประชุมเอเปค
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ นางกิม จินา รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศที่สอง ของสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และคณะผู้แทนเข้าพบ นายฮุนมาเนต นายกของกัมพูชา เพื่อพูดเกี่ยวกับเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับประชาชนเกาหลีใต้ โดยระบุ
- เกาหลีใต้เปิดเกมกดดันกัมพูชาเป็นชุดๆ => เป็นตัวอย่างที่ดี่ที่สุดในการทำงานการเมืองระหว่างประเทศสมัยใหม่
- เวลามีไม่มาก จึงต้องออกแรงเต็มที่ ส่งสัญญาณให้กัมพูชารับรู้อย่างรวดเร็ว
- มีอีกหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสแกมเมอร์ และจะทำแบบเดียวกัน เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน
- ไทยต้องดูเป็นตัวอย่าง
- เวลาของรัฐบาลมีจำกัด จะยุบสภาต้นปีหน้า และมีความไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยอยู่แล้ว
- ฉะนั้นไทยต้องยกระดับการกดดันกัมพูชาให้มากขึ้น
- กระแสเปลี่ยนเร็ว เห็นได้จากแรงสนับสนุนที่รัฐมนตรีต่างประเทศไปพูดที่ UNGA ตอนนี้กระแสตกแล้ว
- ไทยต้องเร่งดำเนินการ ข้อตกลงต่างๆ กับกัมพูชาควรแขวนไว้ก่อน ไม่ใช่มีแค่ เอ็มโอยู 43-44 แต่มีเกือบ 50 ฉบับ
- ไทยควรนำข้อตกลงที่มีกับกัมพูชาทั้งหมดมาทบทวนว่า จะแขวนอะไร แล้วเจรจาคู่ขนาน เพื่อสร้างข้อตกลงกันใหม่ๆ ให้ทำงานร่วมกันได้ในอนาคต เช่น การสร้างเขตปลอดทหาร
สุดเสี่ยง ข้อตกลงสันติภาพฉบับ “ทรัมป์”
- คาดว่าเป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือ political document
- อาจขอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ของสหรัฐฯ เข้ามาอยู่ในกลไกผู้สังเกตการณ์ของสองประเทศ หรือของอาเซียน
- ต้องระมัดระวังไม่ให้มีการแทรกแซงทางตรง
- ไทยต้องยอมรับว่า อาเซียนไม่ได้เป็นกลาง และไม่เคยเป็นกลาง แต่ไทยต้องหาจุดได้เปรียบ เช่น ปัจจัยต่อรองกับ อันวาร์ อิบราฮิม ต้องหยิบมาใช้ทันที
“รองจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีแก๊งสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา กับปัญหา สถานการณ์ที่เกิดข้ึนในขณะนี้ว่า
- ขบวนการนำพา “คนไทย” ข้ามแดนไปทำงานเป็นสแกมเมอร์ฝั่งกัมพูชายังมีอยู่ แม้ปิดด่าน ปิดพรมแดน
- มีคนไทยเป็นกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง ในลักษณะ “อาชีพโอท็อป” ใช้ช่องทางธรรมชาติ “ข้ามคลอง - พื้นที่ป่า”
- เหตุผลที่เหยื่อสแกมเมอร์ไทย ไม่ถูกทำร้าย หรือมีข่าวร้ายแรงเหมือนคนเกาหลีใต้ เพราะ
1.คนไทยส่วนใหญ่สมัครใจไปทำงาน หรือรู้อยู่แล้วว่าต้องไปทำงานอะไร ไม่ได้ถูกหลอกจริงๆ
2.เมื่อถูกจับกุม หรือถูกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงพลิกผันตัวเองมาเป็น “เหยื่อ” เพื่อให้รอดถูกดำเนินคดี
3.กลุ่มคนไทย 11 คนที่เพิ่งช่วยเหลือมาได้ มี 1 คนมีหมายจับในคดีคอลเซ็นเตอร์
4.เมื่อคนไทยที่ข้ามไป เป็นการสมัครใจ จึงไม่มีค่าหัว หรือมี ก็ราคาไม่สูง กลุ่มคนไทยจะมีปัญหาเมื่อทำยอดหลอกลวงไม่ได้ตามเป้า ก็จะถูกกดดัน หากต้องการเดินทางกลับ ต้องให้ครอบครัวโอนเงินใช้หนี้กับขบวนการ
5.ผิดกับชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอก ส่วนใหญ่เป็นดาราเพิ่งดัง หรืออินฟลูเอนเซอร์ หรือนักท่องเที่ยวที่ถูกหลอกจริงๆ ไม่ได้เต็มใจไปทำงาน ขบวนการหลอกมีค่าใช้จ่าย มีนายหน้า มีเอเย่นต์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อไม่ยอม ขัดขืน ก็จะถูกทรมานรูปแบบต่างๆ หรือถูกขายต่อ เป็นเหยื่อค้ามนุษย์
6.ระยะหลังคนเกาหลี หรือชาติอื่นๆ เริ่มถูกหลอกมากขึ้น เพราะไทยปิดพรมแดน เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกับกัมพูชา ทำให้มีคนไทยไปทำงานน้อยลง
7.แต่มีกระแสเกลียดชังคนไทยถูกปลุกขึ้นจริง และมีคนไทยที่เจ็บป่วย ถูกทิ้ง ไม่ได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลของกัมพูชาจริง ข่าวที่เคยออกมาว่ามีคนไทยเสียชีวิตเพราะเรื่องนี้ ตำรวจยืนยันว่าเป็นความจริง
พล.ต.ต.ธีรเดช ยังมีข้อเสนอถึงรัฐบาลว่า
- เสนอให้ระดับรัฐบาล ประสานความร่วมมือกับเกาหลีใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และเสริมการปฏิบัติต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและกวาดล้างขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา โดยฝ่ายตำรวจในฐานะผู้ปฏิบัติ พร้อมสนับสนุนข้อมูล
- ตำรวจไทยมีข้อมูลการข่าวจากพื้นที่จริง ยืนยันว่ากัมพูชาคือศูนย์กลางสแกมเมอร์ของภูมิภาคและของโลก มีธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย และมีหลายกิจการที่ขยายมาเปิดสาขาในไทย เช่น ผับอัพยา ซึ่งให้บริการแต่ชาวต่างชาติ เป็นต้น