
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตั้งกระทู้ถามนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อยกเลิก MOU43 และ 44 ซึ่งผลการสำรวจความเห็นประชาชนที่ผ่านมา พบว่า ประชาชน ยังไม่ทราบรายละเอียดใน MOU และยังมีข้อกังวลในการรณรงค์ไม่ว่า จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร เพื่อให้กัมพูชาไม่ทราบล่วงรู้ข้อมูลของไทย ดังนั้น จึงขอถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า
1. รัฐบาลมีแผนดำนเนินการประชามติอยางไร เพื่อไม่ให้ขัดประชามติ เพื่อไม่เป็นการชี้นำ ต้องให้ข้อมูลรอบด้านผ่านเวทีสาธารณะ และกัมพูชาไม่ล่วงรู้ข้อได้เปรียบเสียเปรียบของไทย
2. รัฐบาล มีมาตรการป้องกันการเสียหาย หากรัฐบาลต้องยกเลิก MOU43 จะมีมาตรการที่ดีกว่า MOU43 อย่างไร และรัฐบาลมีมาตรการใด ไม่ให้เอกชนที่ลงนามในสัมปทานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ไม่ให้ไปฟ้องอนุญาโตตุลาการ กรณีการยกเลิก MOU44
3. รัฐบาล จะมีกลไกใดที่มีทางออกที่ดีกว่าประชามติหรือไม่ เช่น กรรมาธิการฯ เพื่อให้รัฐบาล ได้ใช้อำนาจฝ่ายบริหารตัดสินใจ
ขณะที่ นายสีหศักดิ์ ชี้แจงว่า MOU มีความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องอธิปไตย และเขตแดน ดังนั้น ประชาชน จะต้องมีส่วนแสดงความเห็นในเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการ จึงเป็นที่มาของการจัดการออกเสียงประชามติ แต่การจัดการออกเสียงประชามติ จะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ และจะไม่ถูกต้องหากประชาชน ยังขาดข้อมูล และในสภาฯ ก็มีกระบวนการตั้งกรรมาธิการฯ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ และฟังเสียงจากประชาชนด้วย เพื่อให้รอบคอบทุกมิติ รวมถึงในการจัดการออกเสียงประชามติ จะต้องพิจารณาให้ดี เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ดังนั้น การให้ข้อมูลข่าวสาร การเปิดเผยข้อมูล และการเยียวยาภาคเอกชน จะต้องคำนึงถึง และพิจารณาให้ดี ซึ่งในสัปดาห์หน้า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย จะมีการประชุม เพื่อกำหนดรูปแบบขั้นตอน และการจัดการออกเสียงประชามติ
อย่างไรก็ตาม ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เห็นว่า นายสีหศักดิ์ ไม่ได้ตอบคำถามที่ 2 และ 3 ของตน จึงได้ทวงถามตอบตอบในข้อที่ 2 และ 3 อีกครั้ง พร้อมถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอีก 1 คำถามว่า ความเห็นในฐานะนักการทูต และเป็นตัวแทนรัฐบาล เห็นด้วยหรือไม่ ที่รัฐบาลจะยกเลิก MOU43 และ 44
โดย นายสีหศักดิ์ ชี้แจงว่า MOU เป็นผลประโยชน์สำคัญมากของประเทศ การเข้าสู่กระบวนการประชามติ จะยกเลิก หรือไม่ยกเลิก จะต้องทำด้วยความรอบคอบ และมีความชัดเจนว่า หากไม่มี MOU แล้ว จะมีทางเลือกใด เพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ประเทศได้รับความเสียหาย และจะต้องมีแผนรองรับ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญกับแผนรองรับ หากไม่มี MOU แล้ว จะมีกลไกใด และการเยียวยาผลกระทบจากการยกเลิก MOU ก็จะต้องมีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังคงเห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ได้ตอบคำถามของตนเอง โดยระบุว่า ตนทราบดีว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีข้อจำกัด และเหมาะสมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สามารถให้ความเห็นที่มีน้ำหนักได้ พร้อมเห็นว่า การถกเถียงใช้กระแสชาตินิยมถกเถียงอย่างกว้างขวาง สส.ต้องการผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยไม่ต้องการใช้เรื่องดังกล่าวมาเป็นกระแส จนเกิดให้การตัดสินใจที่ผิดพลาด ที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขปัญหาได้อีก ทั้งกัมพูชารู้ข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบไทยทั้งหมด จนกัมพูชานำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก พร้อมมั่นใจว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทราบดีว่า สิ่งใดคือทางออกที่ถูกต้อง แต่ในวันนี้อยู่ในคณะรัฐมนตรี จึงมีอุปสรรค ไม่สามารถตอบกระทู้ได้ ตนจึงคาดหวังว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่ได้มาจากการเจรจาต่อรองการเมือง ตนจึงต้องการทราบ และคำยืนยันจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่คำพูดมีน้ำหนักต่อการให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีว่า ความเห็นในฐานะนักการทูต และเป็นตัวแทนรัฐบาล เห็นด้วยจริงหรือไม่ ที่รัฐบาลจะยกเลิก MOU43 และ 44 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หรือหากไม่เห็นด้วย จะนำเสนอความเห็นใดต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเบรกฝ่ายการเมืองในการใช้เรื่องชาตินิยม เป็นผลประโยชน์ทางการเมือง
นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่า เรื่องการต่างประเทศ เป็นผลประโยชน์ชาติ หลายครั้งไม่ควรนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง และเรื่องนี้ จะต้องมีการอภิปรายอย่างจริงจัง และการตอบกระทู้ถาม ตนจึงจะต้องตอบด้วยความมั่นใจ จึงควรมีการพูดคุยรายละเอียดก่อนว่า จะเดินหน้าอย่างไร และความเห็นส่วนตัวของตน จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีแน่นอน พร้อมยืนยันว่า ตนเอง ยึดผลประโยชน์ประเทศชาติ และกระบวนการประชาธิปไตย ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อสภา ก็มีความสำคัญ ซึ่งเมื่อรัฐบาลมีแผนที่ชัดเจนแล้ว ก็จะชี้แจงสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง