นายกฯ ตั้ง ธรรมนัส ดูปฏิบัติการระบายน้ำ เห็นชอบเยียวยาบ้านละ 9 พัน

6 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ และบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ คอภ. ครั้งที่ 1 ว่า ที่ประชุมได้มีการรับทราบสถานการณ์น้ำของประเทศ จากที่ทุกหน่วยงานประเมินมาแล้ว คาดว่าตอนนี้มีแนวโน้มที่ลดลงอย่างกรณี 2-3 วัน ที่ผ่านมา ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นลักษณะของน้ำป่าไหลบ่า เป็นน้ำที่มาระยะสั้น

นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุดคือคณะกรรมการปฏิบัติการระบายน้ำ ซึ่งเดิมทีสื่อมวลชนได้รับข่าวสารไปเมื่อวานนี้ว่า จะมีคณะกรรมการอำนวยการคณะหนึ่ง คณะปฏิบัติการในการบรรเทาอีกคณะหนึ่ง คือ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้สั่งให้มีคณะกรรมการปฏิบัติการ ระบายน้ำอีกคณะหนึ่ง มอบหมายให้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการอุดหนุนเงินเยียวยาสำหรับครัวเรือน โดยข้อมูลล่าสุด 15 พ.ค - 6 ต.ค 68 มีทั้งหมด 685,554 ครัวเรือน โดยอุดหนุนอัตราเดียวกันครัวเรือนละ 9,000 บาท รวมเป็นเงิน 6,169,986,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทำหนังสือเวียน คาดว่าจะสามารถเข้าคณะรัฐมนตรีได้ในวันที่ 14 ตุลาคม และนายกฯ ยังให้ข้อกำชับว่าในการเร่งรัดการเบิกจ่าย ขอให้ทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ท่วมปีนี้ได้เงินปีหน้า ดังนั้นจึงให้ความมั่นใจว่า ท่วมปีนี้ ได้เงินปีนี้แน่นอน  

นายสิริพงศ์ ยังกล่าวต่อไปว่า นายกฯ ยังมี 7 ข้อสั่งการในการระบายน้ำ คือ

1. ให้ กรมชลประทาน คงการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที

2. ลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนพระรามหก ลง 100 ลบ.ม/วินาที

3. ให้ กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ผ่านคลองชัยนาท - ป่าสัก

- เพิ่มการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำมโนรมย์ ให้เต็มศักยภาพที่ 210 ลูกบาศก์เมตร/วินาที

- ให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการใช้เครื่องผลักดันน้ำเพิ่มการระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ – ทางระบายน้ำ พระนารายณ์ผ่านคลอง 8-16 ผ่านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต และคลองลาดกระบัง โดยกำหนดจุดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเสริมในบริเวณคอคอด

- ให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมทุกสถานีสูบส่วนบริเวณปากคลอง และให้เร่งสูบออกอ่าวไทยให้เหมาะสมกับจังหวะน้ำทะเลลง

4. ระบายน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ผ่านแม่น้ำท่าจีน แบ่งเป็น

- ให้ กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำผ่านคลองฝั่งตะวันออกแม่น้ำท่าจีน และใช้คลองย่อยเดิมรับน้ำจากทุ่งด้านบนระบายน้ำลงคลองภาษีเจริญเพื่อทำหน้าที่เป็นคลองลัดเสริมการระบายน้ำ

- ให้ กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำผ่านคลองย่อยของแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก เสริมการระบายน้ำลงอ่าวไทย

- ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการใช้เครื่องผลักดันน้ำเพิ่มการระบายน้ำ โดยกำหนดจุดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเสริมในบริเวณคอคอด

5. ให้ สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เพิ่มการระบายน้ำผ่านกรุงเทพมหานคร บางส่วนอย่างเหมาะสมเพื่อช่วยลดปริมาณน้ำท่วมสะสมในทุ่งเจ้าพระยา และ ต้องไม่ส่งผลกระทบกับกรุงเทพมหานคร

6. เพิ่มการรับน้ำเข้าทุ่งฝั่งซ้าย คลองชัยนาท-ป่าสัก (รับน้ำได้อีก 70 ล้าน ลบ.ม.) และทุ่งรับน้ำท่าวุ้ง ลพบุรี (รับน้ำได้อีก 22 ล้าน ลบ.ม.) มีศักยภาพการรับน้ำ ได้มากกว่าร้อยละ 80

7. บรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่บางบาล ไปยังทุ่งบางกุ้ง พระนครศรีอยุธยา (รับน้ำได้อีก 4.7 ล้าน ลบม.)

ทั้งนี้ นายกฯ ยังกำชับในคณะกรรมการปฏิบัติการทั้ง 2 คณะที่ตั้งขึ้นมาเพิ่ม ให้มีการประชุมทุกสัปดาห์ และต้องนำมารายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย พร้อมมอบหมายให้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงบประมาณ ดูแลเรื่องมาตรการที่จะมีเพิ่มเติมต่อไป
 

นายกฯ ยันใช้หลักการเดิมจ่ายครัวเรือนละ 9,000 บาท มอบ ปภ.พาประชาชนมาขึ้นทะเบียน
 

ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์เยียวยาช่วยเหลือ โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และศูนย์ปฏิบัติการระบายน้ำให้ออกไปยังอ่าวไทย โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน

ขณะที่เรื่องของการเยียวยาประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับปีที่ผ่านมา เพราะทุกคนประสบภัยเกิน 7 วัน โดยจะเยียวยาเป็นรายครัวเรือน ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยจะดำเนินการทันที ซึ่งได้มอบหมายให้ทางกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งดำเนินการ นำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมาขึ้นทะเบียน อย่างไรก็ตาม จะใช้ช่องทางเดียวกันในการจ่ายเงินเยียวยาประชาชนเหมือนกับปีที่ผ่านมา