svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

กลับมาได้ไหม “แพทองธาร” ป้องที่มั่นเหนือดวล “กล้าธรรม” บ้านใหญ่สายแข็ง

เพื่อไทยจะกลับมาได้ไหม “แพทองธาร” ลุยภาคเหนือรักษาที่มั่นแดง “กล้าธรรม” พรรคลูกข้าวนึ่งมาแรง อาจแซงส้ม

สมรภูมิข้าวนึ่ง แพทองธาร ลุยน้ำท่วมเหนือ เพื่อรักษาที่มั่นแดง เจอคู่สายแข็งกล้าธรรม ฝ่าด่านกระแสส้ม

 

เพื่อไทยจะกลับมาได้ไหม สังเวียนภาคเหนือชี้ขาด เหนือตอนบนเบอร์หนึ่งแต่ยังเหนื่อย เหนือตอนล่างเป็นรองคู่แข่ง

 

วันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค.2568 แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนแผนกะทันหัน จากเดิมจะไปขึ้นเวทีหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.กาญจนบุรี เขต 4 เป็นมุ่งขึ้นภาคเหนือไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

 

“หัวหน้าอิ๊งค์” เดินทางไปพร้อม สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์

สมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ ที่เพิ่งยืนยันผ่านสื่อว่า ไม่ทิ้งพรรคเพื่อไทย ก็พา สส.สุโขทัย และพิษณุโลก มาร่วมแจกข้าวของช่วยชาวบ้าน

 

เหตุที่ต้องเลือกพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ เพราะเป็นที่มั่นใหญ่ของค่ายสีแดง และชนะยกจังหวัดมาแต่ปี 2544 โดย กฤษณา สีหลักษณ์ รวี เล็กอุทัย สส.อุตรดิตถ์ และวารุจ ศิริวัฒน์ ในฐานะ สส.เจ้าถิ่นให้การต้อนรับเต็มที่

 

ดังที่ทราบกัน วันที่ 7 ต.ค.2568 พรรคเพื่อไทยจะมีอีเวนต์ตีโต้กระแสขาลง ด้วยการชูแคมเปญ “เพื่อไทยจะกลับมา” 

 

ไฮไลต์ของอีเวนต์นี้คือ การวัดใจไพร่พลสีแดง ใครจะอยู่ ใครจะไปก็ได้เห็นกันในวันนั้น รวมถึงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.หน้าใหม่

 

การเดินทางไปเมืองอุตรดิตถ์ของ “หัวหน้าอิ๊งค์” ก็สอดรับกับแคมเปญ “เพื่อไทยจะกลับมา” เพราะ สส.ภาคเหนือ ยังเป็นกำลังหลักในการเลือกตั้งต้นปี 2569

 

สมรภูมิลูกข้าวนึ่งสมัยหน้า ค่ายสีแดง จะต้องเจอคู่แข่งสายบ้านใหญ่อย่างพรรคกล้าธรรม และสายกระแสอย่างพรรคประชาชน

หัวหน้าอิ๊งค์ ลุยช่วยน้ำท่วมภาคเหนือ

 

ที่มั่นเหนือไม่เหมือนเดิม

 

นับตั้งแต่ปี 2544 สมัยพรรคไทยรักไทย สมรภูมิภาคเหนือ บ้านเกิดของตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน เพื่อไทยเป็นแชมป์ผูกขาดจนถึงการเลือกตั้งปี 2562

 

ปี 2566 ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคเหนือ พรรคก้าวไกล(พรรคประชาชน) สามารถปักธงสีส้มได้เกือบเต็มแผ่นดินล้านนา

 

เพื่อไทยชนะยกจังหวัดเพียง 4 จังหวัดคือ น่าน , แพร่ อุตรดิตถ์ และสุโขทัย 

 

สนามใหญ่อย่างเชียงใหม่ พรรคสีส้มได้ 7 ที่นั่ง เพื่อไทย 2 ที่นั่ง และพลังประชารัฐ(กล้าธรรม) 1 ที่นั่ง ส่วนเชียงราย เพื่อไทยได้ 5 ที่นั่ง และประชาชนได้ 3 ที่นั่ง

 

ส่วนลำปาง ประชาชนกวาด 3 ที่นั่ง เพื่อไทยเหลือ 1 ที่นั่ง และลำพูน ประชาชนกับเพื่อไทย แบ่งกันไปพรรคละ 1 ที่นั่ง

 

ภาคเหนือตอนล่าง พิษณุโลก ได้ 3 ที่นั่ง และนครสวรรค์ ได้ 1 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 4 จังหวัด คือ ตาก ,  กำแพงเพชร , พิจิตร และเพชรบูรณ์ เพื่อไทยไม่ได้ สส.แม้แต่ที่นั่งเดียว

 

“เพื่อไทยจะกลับมาได้ไหม” ในสมรภูมิภาคเหนือ คงต้องถาม ร.อ.ธรรมนัส และ “หัวหน้าเท้ง” ค่ายสีส้ม

 

จับตาธรรมนัส แตะมือเครือข่ายครูใหญ่ในภาคเหนือ

 

ลูกข้าวนึ่งพันธุ์บ้านใหญ่

 

ปัจจุบัน พรรคกล้าธรรม โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค มี สส.ภาคเหนือ 8 คน ที่กระจายอยู่ในเหนือตอนบนและตอนล่าง

 

การตัดสินใจเลือก “สส.หนุ่ม” นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 เป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลอนุทิน นี่คือยุทธศาสตร์ยึดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงของ ร.อ.ธรรมนัส

 

สนามพะเยา ไม่น่ามีปัญหา ยกจังหวัดเหมือนเดิม แต่ ร.อ.ธรรมนัส คงให้ความสำคัญกับสนามเชียงราย จะต้องปักธงให้ได้ 1-2 เขต

 

ถ้าครูใหญ่เนวิน เคลียร์กับตระกูล “วันไชยธนวงศ์” ให้ร่วมมือกับผู้กองเมืองพะเยา น่าจะทำให้เพื่อไทยเชียงรายเหนื่อยเป็นหลายเท่า

 

แม่ฮ่องสอน มี สส. 1 คนคือ ปกรณ์ จีนาคำ สส.เขต 1 ซึ่งสมัยหน้า ถ้าดึง วิทยา หวานซึ้ง พ่อเลี้ยงเจ้าขอโกดังผัก บ้านแม่เหาะ ต.แม่เหาะ อ.แม่สะเรียง มาลงเขต 2 ก็กวาด สส.ยกจังหวัด

 

กำแพงเพชร มี สส. 2 คนคือเขต 1 ไผ่ ลิกค์ และเขต 2 เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ หากจะขยายไปอีก 2 เขต คงต้องเจอกับทีม วราเทพ รัตนากร ที่โบกมือลาพรรคลุงป้อมแล้ว

 

ตาก มี สส. 1 คนคือ ภาคภูมิ บูลย์ประมุข สมัยหน้า หาก ร.อ.ธรรมนัส ดึงบ้านใหญ่เมืองตาก ตระกูล “ทวีเกื้อกูลกิจ” มาร่วมงานกันได้ เผลอๆอาจจะยกจังหวัด

 

ด้วยแคมเปญ “พรรคลูกข้าวนึ่ง” ผู้กองธรรมนัส อาจจะได้ สส.เพิ่มขึ้นใน จ.น่าน จ.ลำปาง และ จ.แพร่ จึงไม่น่าแปลกใจที่กูรูการเมืองเชื่อว่า กล้าธรรมทะยานขึ้นเป็นพรรค 70+ ในการเลือกตั้งสมัยหน้า