วงในตั้งข้อสังเกต แต่งตั้งคณะทำงาน รมว.ยุติธรรม กระทบคดีฮั้ว สว. – เขากระโดงไหม?

MOA รัฐบาล 4 เดือน ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กลายเป็นโจทย์ใหญ่และถูกตั้งคำถามในวงกว้างว่า จะทำผลงานอะไรสัมฤทธิ์ได้บ้าง ในช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้

 

ขณะเดียวกันหลายกระทรวงใหญ่ถูกโฟกัส โดยเฉพาะกระทรวงที่มีคดีใหญ่ค้างคาอยู่ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเพื่อไทย ก็ถูกจับตาว่าจะมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบไหน และจะมาลบล้างเหลือเบี่ยงเบนคดีเดิมๆ หรือไม่ โดยเฉพาะคดีฮั้ว สว. และคดีเขากระโดง โดยกระทรวงยุติธรรม เป็นหนึ่งในกระทรวงที่หลายคนให้ความสนใจว่า จะมีการขยับขับเคลื่อนในรูปแบบใด โดยเฉพาะเมื่อ รมว.ยุติธรรม เป็นคนที่เคยเติบโตในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์

 

โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่หน้าที่ ที่กระทรวงยุติธรรม อย่างเป็นทางการ จากนั้นก็มีคำสั่งแต่งตั้ง นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นโฆษกกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายการเมือง โดยให้ทำหน้าที่ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2568

 

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.รุทธพล ลงนามคำสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ 194/2568 แต่งตั้งคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม17 คน มีรายชื่อ ดังนี้

 

1 นายสุวพิชญ์ มโนภาส คณะทำงาน

2 นายวิชาญ ร่วมรักษ์ คณะทำงาน

3 นายภูชิตส์ กรรณสูต คณะทำงาน

4 นายธชิน ยศสิรสกุล คณะทำงาน

5 นางสาวจตุราภรณ์ รอดเกลี้ยง คณะทำงาน

6 นางสาวนุสรา ธุระกิจ คณะทำงาน

7 นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอาง คณะทำงาน

8 นายเทวา จุฬารี คณะทำงาน

9 นายชยพล สายทวี คณะทำงาน

10 นายสุริยะ โพธิภิรมย์ คณะทำงาน

11 นายนราวิทย์ ศิริปุณย์ คณะทำงาน

12 นายภูริพงศ์ จีบจอหอ คณะทำงาน

13 นางยุฆมาศ เขียวบำรุง คณะทำงาน

14 นายอภิศักดิ์ ณ นคร คณะทำงาน

15 นายธภัทร ศรวัชรเศรต คณะทำงาน

16 นางสาววณัฐภัสสรา สุขสม คณะทำงาน

17 นายอดิรัตน์ กาญจนวราทรัพย์ คณะทำงาน

 

โดยพบว่าคณะทำงานทั้ง 17 คน เป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) บางคนเกียวข้องกับ คดีฮั้ว สว. คดีเขากระโดง และรันเวย์สนามบินขนงพระ กระทั่งล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาตั้งข้อสังเกตและคำถามถึงความเหมาะสม โดยฝากคำถามผ่านทางเฟซบุ๊กถึง นายกรัฐมนตรี กรณี ตั้ง คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากพนักงานสอบสวนคดี ฮั้ว สว. และ เขากระโดง เพื่ออะไร ถือว่าแทรกแซงไหม? โดยระบุว่า

 

ฮั้ว สว. ตั้งเอง ชงเอง ตบเอง กินเอง บรรดาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้งหมด 17 รายชื่อ ถูกแต่งตั้งโดยรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่ถอดด้าม รับตำแหน่งไม่ถึง 7 วัน เซ็นออกคำสั่ง เลขที่ 194/2568 ตั้ง คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พบว่าดันเป็นพนักงานสอบสวนคดี “ฮั้ว สว. และ เขากระโดง” ยกตัวอย่าง

 

รายชื่อที่ 3 นายภูชิตส์ กรรณสูต ผอ.ด้านตรวจสอบโทรศัพท์ (ดักฟังข้อมูลโทรศัพท์)

 

รายชื่อที่ 7 นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอาง อยู่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำคดีเขากระโดง และสนามบินขนงพระ

 

รายชื่อที่ 9 นายชยพล สายทวี ทำคดี ฮั้ว สว. จังหวัดอยุธยา และอ่างทอง

 

ทั้งหมดตอนนี้กลับกลายเป็น คณะทำงานของรัฐมนตรียุติธรรม ที่บังเอิญดันเอาคนสอบคดี ฮั้ว สว.และ เขากระโดง ผู้กุมสำนวนคดี รู้ตื้นลึกหนาบาง มาเป็นคณะทำงานของตัวเอง เพื่ออะไรมิทราบหรือครับ?

 

คดีความสุดพิสดารในการได้เป็น สว. และ ตำนานเขากระโดง จะถูก “แทรกแซง” หรือไม่ ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะเห็นสื่อเขาบอก รัฐมนตรียุติธรรมสายบุรีรัมย์ เป็นตำรวจเติบโตที่ จ.บุรีรัมย์ มาตลอด แล้วยังมีชื่อ คุณศุภชัย ใจสมุทร เพิ่งไปนั่งเป็น โฆษกกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เรื่องเขากระโดงฉอดๆ ตั้งแต่วันแรกอีก ชาวบ้านเขายิ่งระแวงสงสัย มันดูทะแม่งๆ อยู่นะ

 

คณะทำงานที่รัฐมนตรีตั้งมาอีกหลายคนที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญ ก็เป็นคนของพรรคที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ด้วย

 

หากผมเป็นสมัครพรรคพวกคนร้าย แล้วได้วาสนาไปคุมตำรวจ สั่งให้เอาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีของผมมาเป็น “คณะทำงาน” ของตัวเอง เพื่อจะได้เห็นรายละเอียดของสำนวน จะไปวางแผนอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง หรือ พรรคพวกหรือไม่? จะไม่ให้ประชาชนเขาสงสัยได้ไง?

 

วานสื่อไปถามรัฐมนตรียุติธรรม หรือนายกฯ ที อย่างนี้มันถือว่าเป็นการแทรกแซงไหม? อย่าไปทำอะไรที่มันทำให้คนเขาชวนสงสัยเลย ไหนๆ นายกฯ ก็ประกาศในวันแถลงนโยบายรัฐบาลว่า “จะไม่แทรกแซงการทำงานของข้าราชการ และทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย”เลยไม่รู้จะเชื่อท่านนายกฯ ดีไหม? นี่แค่เริ่มงาน 7 วัน ก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว

 

ล่าสุด "เนชั่นออนไลน์" ยังได้ข้อมูลลึกๆลับๆ จากคนในกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่สัปดาห์แรกของการมีรัฐมนตรีใหม่ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า

 

1. ทีมงานฝ่ายการเมืองแน่น! มีทีมของรัฐมนตรี ราวๆ 30 ชีวิต ไม่นับคณะทำงาน 17 คน ที่เพิ่งตั้งและกำลังเป็นข่าว และทีมโฆษกฝ่ายการเมือง บังซุป ศุภชัย ใจสมุทร

 

2. มาตรการ รปภ.เข้ม สไตล์ตำรวจ ซึ่งตรงนี้แตกต่างกับบุคลิกของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม คนก่อน

 

3. งานดีๆ ไม่ได้รับการสานต่อ  อาทิ การใช้พื้นที่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กฯ จัดเป็นศูนย์บำบัด คล้ายๆ มินิธัญญารักษ์ , การพัฒนาหลักสูตรการศึกษา ฝึกอาชีพ ให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ แก้กระทำผิดซ้ำ , แก้กฎหมายให้อดีตนักโทษคดียาเสพติดที่ผ่านการบำบัด ประกอบอาชีพ รปภ.ได้ (ขาดแคลนหนัก ต้องจ้างต่างชาติ) และ แก้หนี้ กยศ. และหนี้ครัวเรือน ขับเคลื่อนโดยกรมคุ้มครองสิทธิฯ และกรมบังคับคดี

 

เรียกว่าเพียงแค่ 1 สัปดาห์ กระทรวงตาชั่ง ก็ขยับปรับทัพกันพัลวัน แต่จากนี้ที่น่าสนใจ คือ คดีกล่องดวงใจของผู้มีอำนาจ ทั้งฮั้ว สว. และ เขากระโดง จะเดินต่อไปในทิศทางไหน?!