"โรม" ประชุม "กมธ.มั่นคงฯ" ห่วง เงิน 40 ล้านติดสินบน รมต.ดีอีฯ อาจโยงกลุ่มสแกมเมอร์

2 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ นั่งหัวโต๊ะ ในวาระประชุม การพิจารณาศึกษาปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชา ที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศไทย กรณี นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) หรือ นายเบน สมิธ ในฐานะ "ล็อบบี้ยิสต์" นักการเงินผู้ทรงอิทธิพล และเกี่ยวข้องกับการ "ฟอกเงิน" ผิดปกติในหลายเรื่อง ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย 

 

 

 

 

ทั้งนี้ ทางกรรมาธิการได้เชิญ นายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ , อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

 

 

โดย นายรังสิมันต์ โรม เผยก่อนประชุมว่า วันนี้เป็นการพิจารณาเรื่องของ นายเบน สมิธ

 

โดยเฉพาะซึ่งเกี่ยวข้องกับ "สแกมเมอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์" บุคคลดังกล่าวอาจเป็นหัวขบวนที่สำคัญเป็นระดับ "แมมมอธ" ของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์ในกัมพูชา โดยเอาเงินผิดกฎหมายเหล่านี้มายึดประเทศไทย ไม่ว่าจะผ่าน ธุรกิจพลังงาน ผ่านธนาคาร หรือบริษัทต่างๆ และอาจจะใช้ เอนเตอร์เมนคอมเพล็กซ์เพื่อฟอกเงิน อาจเป็นหลายแสนล้านเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นวันนี้เราเจอหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่อาจจะต้องเข้าไปจัดการ จึงเป็นที่มาของคณะ กรรมาธิการที่เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบบุคคลดังกล่าว 

 

 

 

 

 

เมื่อถามว่าสามารถเชิญ นายเบน สมิธ มาชี้แจงในห้องกรรมาธิการได้ด้วยหรือไม่ 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่รู้จะต้องเผชิญที่ไหน แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชิญเพราะหลักๆ ให้ความสำคัญกับหน่วยงานของรัฐในการที่จะให้ข้อมูลในการให้ข้อมูล และบริษัทเอกชนที่ควรที่ควรเข้ามาให้ข้อมูล แต่ด้วยความที่ตัวละครเยอะ วันนี้จึงตั้งหลักที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเข้าใจว่าไม่ได้เดินทางมาด้วยตัวอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งหวังว่าวันนี้จะให้ความร่วมมือ เพื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หัวขบวน แก๊งสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ไม่ใช่แค่ของไทยแต่ของโลก

 

 

 

ส่วนจะมีการเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาให้ข้อมูลหรือไม่ 

นายรังสิมันต์ ระบุว่า วันแถลงนโยบายตนคาดหวังว่า ร้อยเอกธรรมนัส จะให้ข้อมูลอะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ร.อ.ธรรมนัส เพราะตอนที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อภิปราย ร.อ.ธรรมนัส ก็ลุกขึ้น มาตอบเก่งมากดูยิ่งใหญ่อลังการ สภาลุกเป็นไฟ แต่หลังจากนั้นตนอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส ก็หายไป กลับมาอีกทีช่วงประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครลักพาตัวร้อยเอกธรรมนัสไปหรือไม่ 

 

"แต่ในชั้นกรรมาธิการต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพราะ ร.อ.ธรรมนัส เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่จำเป็นต้องเชิญอยู่ที่จำเป็นต้องเชิญอยู่แล้ว ร.อ.ธรรมนัส ยังอยู่ในฐานะพยาน ที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดอาจจะพอๆ กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี" นายรังสิมันต์กล่าว 

 

 

 

ส่วนประเด็นการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการติดต่อ เพื่อติดสินบน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 40 ล้านบาทนั้น 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่เชื่อมโยงแต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ซึ่งเงิน 40 ล้านบาทนี้ ยังไม่ทราบว่ามีความเชื่อมโยงกับ นายเบน สมิธ มากแค่ไหน แต่เป็นห่วงว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องนี้ถือว่าใหญ่มาก ใหญ่กว่าเดิมอีก เพราะแม้กระทั่งรัฐมนตรีก็สามารถซื้อได้

 

 

 

สำหรับกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้นั้น 

นายรังสิมันต์ มองว่า สิ่งที่นายไชยชนกทำเป็นขั้นตอนขั้นต่ำ แต่ไม่มีการกำหนดเดดไลน์ออกมาว่าจะต้องมีบทสรุปแค่ไหน ขอบเขตของการสอบมากน้อยแค่ไหน ถ้านายไชยชนกยังถูกซื้อ หน่วยงานอื่นๆ ตำรวจไซเบอร์หรือสอบสวนกลาง จะโดนซื้อไปด้วยหรือไม่ รวมไปถึง กลต.และ DSI จะมีการจ่ายสินบนในลักษณะนี้หรือไม่

 

 

"ดังนั้นวันนี้จึงเกิดคำถามและเข้าใจว่าและเข้าใจว่าการที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังปราบไม่ได้สักทีส่วนหนึ่งก็เพราะว่าหน่วยงานของรัฐอาจจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการรับสินบนพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้" นายรังสิมันต์ เผย