"เท้ง" ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้การอภิปรายวันนี้เนื้อหาเข้มข้น โต้ "เพื่อไทย" ไม่หวั่นถูกมองเป็นฝ่าย "ค้ำรัฐบาล"

29 กันยายน 2568 "เท้ง" นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การอภิปรายใน การนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาครั้งนี้ ได้มีการเตรียมผู้อภิปรายไว้ 20 คน ซึ่งจะเป็นไปอย่างเข้มข้น แต่ในภาพรวมจะเป็นการนับถอยหลังสู่การยุบสภาเพื่อเดินหน้าจัดทำประชามติ

 

และยังมีอภิปรายถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรี และจะตรวจสอบรัฐบาลไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีที่สำคัญ เช่น เขากระโดง ดังนั้นขอให้ทุกคนติดตามการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งได้วางตัวผู้อภิปรายไว้หลายคน โดยช่วงเปิดอภิปรายตนก็จะกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน เคยระบุจะเปิดเผยเอกสารลับการแต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้นั้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ดูในการอภิปราย 2 วันนี้ จะมีเนื้อหาเข้มข้น ตลอด 2 วันเชื่อว่าประชาชนจะได้เห็นการทำหน้าที่ของพรรคประชาชนในฐานะพรรคฝ่ายค้าน และชี้ให้เห็นว่าเหตุผลที่เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูและสร้างอนาคตใหม่ สร้างทางออกให้กับประเทศได้

 

ขณะที่การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน จะมีสมาชิก 20 คนในการอภิปราย ซึ่งจะมีการเปิดเผยข้อมูลและทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเฉลี่ยจะอภิปรายคนละ 10-15 นาที เชื่อว่าจะสามารถอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ได้

 

 

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าพรรคประชาชนเป็นพรรคฝ่ายค้ำรัฐบาลนั้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทำให้เสียสมาธิแต่อย่างใด ก็จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเสียงข้างมากอย่างเต็มที่ และไม่อยากเห็นการโยนวาทกรรมไปมา หรือเป็นฝ่ายแค้นอะไร ถ้าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายค้ำ ก็ยืนยันว่าพยายามจะค้ำกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญปรับใหม่ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ไม่ใช่จะค้ำรัฐบาลหรือคำรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นการทำหน้าที่ของพรรคประชาชนจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้มข้น

 

 

 

ส่วนกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทยระบุฝั่งอนุรักษ์นิยมกลับมาเพราะพลังจาก "ตั๋วช้างสีส้ม"

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการสร้างวาทกรรมเช่นนั้น และนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ก็ได้ชี้แจงแล้ว ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนสมาชิกรัฐสภาทุกคนอภิปรายถึงแนวนโยบายของรัฐบาล ควรจะต้องมีการตรวจสอบ ตั้งข้อคิดเห็นในการดำเนินนโยบายเป็นหลักมากกว่า ไม่อยากให้ฝ่ายค้านต้องมาตรวจสอบกันเองในสภาแห่งนี้