svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“นิพิฐ” อดีตผู้บริหาร ปตท.กรีนเอเนอร์ยี่ เรียกค่าเสียหาย ปตท. 500 ล้าน

“นิพิฐ” อดีตผู้บริหาร ปตท.กรีนเอเนอร์ยี่ เรียกร้องค่าเสียหาย ปตท. 500 ล้าน หลัง ป.ป.ช.ชี้คดีปลูกปาล์มอินโดฯไม่ผิด ถ้าไม่จ่ายภายใน 15 วัน ลุยฟ้องอาญา-แพ่ง

16 กันยายน 2568 นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตผู้บริหาร ปตท.กรีนเอเนอร์ยี่ ส่งโนติสเรียกร้องค่าเสียหาย 500 ล้านบาท จาก ปตท.และกรรมการ หลัง ป.ป.ช. มีมติไม่ชี้มูลความผิดคดีปาล์มอินโดนีเซีย อ้างถูกกระทำละเมิดและกลั่นแกล้ง กำหนดชำระภายใน 15 วัน หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไม่ชี้มูลความผิดคดีปาล์มอินโดนีเซีย

 

โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ 6 ต่อ 1 ไม่ชี้มูลความผิดนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท ปตท.กรีน เอเนอร์ยี่ จำกัด กับพวกรวม 17 คน ในคดีปลูกปาล์มประเทศอินโดนีเซีย

คณะกรรมการ ป.ป.ช.สรุปผลการไต่สวนว่า ไม่เป็นการกระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย โดยข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่านายนิพิฐ กระทำทุจริตและได้รับผลประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวหา

 

นอกจากนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. กรีนเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในสมัยของนายนิพิฐ และการบริหารกิจการทั้งปวงก็ไม่ได้ฝ่าฝืน หรือขัดต่อมติของคณะกรรมการบริษัทแต่ประการใด โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นในการลงทุนมาจากการบริหารจัดการของผู้บริหารชุดถัดมา

 

นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา

 

ล่าสุด นายนิพิฐ ได้มอบหมายให้ นายสุรสิทธิ์ กิตติสุทธิวงศ์ ทนายความ ส่งโนติสถึงบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน), บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และกรรมการทุกคน เรื่องขอให้ชดใช้ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนจากการจงใจกระทำละเมิด เจตนากลั่นแกล้ง และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตทั้งทางอาญาและทางแพ่ง

นายนิพิฐ ได้เรียกร้องค่าเสียหายครอบคลุม 11 รายการหลัก ประกอบด้วย


1. ค่าสินไหมจากการเลิกจ้างไม่ชอบ จากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย


2. ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ไม่ได้รับเงินสบทบตามระเบียบการจ้าง ของบริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)


3. ค่าสินไหมทดแทนจากอายุงานคงเหลือหากไม่ถูกใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายบอกเลิกจ้าง


4. ค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ ไม่ได้รับเงินและประโยชน์ตอบแทนที่พึงจะได้รับ คือ เงินโบนัสประจำปี ซึ่งได้รับเป็นประจำทุก ๆ ปี ปีละไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้าง 6 เดือน

 

5. ค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกจ้าง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ ได้เสียสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่จะได้รับ ได้แก่ สิทธิในการรักษาพยาบาลรายปี , สิทธิในการใช้รถยนต์พาหนะ , สิทธิในการซื้อหุ้นในบริษัท เป็นต้น


6. ค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ สูญเสียโอกาสได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)


7. ค่าสินไหมทดแทนจากการถูกใส่ความว่ากระทำทุจริตต่อหน้าที่ อาศัยความอันเป็นเท็จนั้นบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ และวงศ์ตระกูลเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง


8. ค่าสินไหมทดแทนจากการถูกกลั่นแกล้งด้วยการนำความเท็จมากล่าวหาและส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินคดีอาญาเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีและว่าจ้างทนายความแก้ต่างมากกว่า 10 ปี


9. ค่าสินไหมทดแทนจากการถูกกลั่นแกล้งด้วยการนำคดีมาฟ้องต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1751/2558 ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีและว่าจ้างทนายความแก้ต่างมากกว่า 10 ปี


10. ค่าสินไหมทดแทนจากการสูญเสียโอกาสในการทำงานอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ หรือสมัครเข้าทำงานใดๆ ได้เพราะเป็นผู้มีประวัติถูกเลิกจ้างในความผิดอย่างร้ายแรง อันเป็นผลโดยตรงจากการจงใจกระทำละเมิด


11. ค่าเสียหายเบ็ดเตล็ดในส่วนอื่นๆ รวมเป็นจำนวนเงินค่าชดเชยและค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 500,000,000 บาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) กำหนดเวลา 15 วัน

 

ทนายความระบุในโนติสว่า หากไม่ได้รับเงินชดเชยจำนวน 500 ล้านบาท ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาอย่างเด็ดขาด