เบื้องหลังสาเหตุ “สาโรจน์” ทิ้งเก้าอี้ เลขาธิการ ป.ป.ช.

16 กันยายน 2568 จากกรณี นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(เลขาธิการ ป.ป.ช.) ยื่นหนังสือ ถึงนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ขอลาออกจากตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเป็น เลขาฯ ป.ป.ช.รายแรก ที่ขอลาออกกลางคัน ขณะที่ยังมีวาระเหลืออีก 1 ปี

 

เบื้องหลังการลาออก มีหลายกระแส จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน เม.ย.2568 นายสาโรจน์ สมัครเข้ารับการสรรหา เป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจเงินแผ่นดินด้วย โดยมีข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุในการตัดสินใจลาออก อาจมาจากแรงกดดันในการทำงาน ผลงานที่ยังถูกตั้งคำถาม และอาจถูกโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่น ๆ เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามการปรับโครงสร้างใหม่ของ ป.ป.ช.

ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่า นายสาโรจน์ รับรู้สถานการณ์ จึงยื่นหนังสือลาออก เพื่อเตรียมย้ายไปรับราชการในตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ใช่กรรมการ คตง. โดยพบว่า นายสาโรจน์ ได้ทำเรื่องขอโอนย้ายไปอีกหน่วยงานหนึ่งด้วย

 

ขณะเดียวกันคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต้องการให้สะสางคดีใหญ่ ที่ยังค้างคาอยู่ในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริง และชั้นตรวจสอบเบื้องต้นของ ป.ป.ช. เช่น 

 

1.กรณีกล่าวหา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับพวก เรียกรับเงินหรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น จำนวน 18 ประเภท โดยคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ 9 คน เป็นองค์คณะไต่สวน

 

2.คดีกรณีกล่าวหา อดีตรองผบ.ตร.ที่ถูกให้ออกจากราชการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.กับพวก เรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกัน และรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,000 บาท ปัจจุบันมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน

 

3.กรณีกล่าวหา อดีต รมว.คมนาคม กรณีถือครองหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) แห่งหนึ่ง ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และข้อเท็จจริงเห็นว่า ให้นอมินีถือครองหุ้นแทน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น

 

4.กรณีกล่าวหา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน คดีแจกถุงยังชีพ ปรากฎหน้าและชื่อตัวเองบนถุง โดยปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการตั้งองค์คณะไต่สวน และแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว อยู่ระหว่างให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าว

 

5.กรณีกล่าวหา 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ( ในจำนวนนี้มี 25 สส.ที่สังกัดพรรคประชาชน ในปัจจุบัน) ร่วมกันลงชื่อ และเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ ร้ายแรงหรือไม่ ปัจจุบันมีการแจ้งข้อกล่าวหา 44 สส.แล้ว อยู่ในขั้นตอนเรียกมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

 

 

6.กรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลายคดี เช่น คดีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังเผชิญคดีคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกล่าวหา “รัฐบาลแพทองธาร” ส่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ 2568 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง รวม 2 สำนวน แบ่งเป็น กรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร และ นายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ และ ครม.ทั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 รวมไปถึง สส. และ สว. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 ดังกล่าว

 

กรณีกล่าวหา สส.เขต พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยบรรดา สส.และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย เช่น สาโรจน์ หงส์ชูเวช พิษณุ หัตถสงเคราะห์ จักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกฯ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงผู้บริหารระดับสูง ในสำนักงบประมาณ ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง มีพฤติการณ์ใช้สถานะ หรือตำแหน่ง กระทำการ สั่งการ บังคับ ก้าวก่าย หรือเข้าแทรกแชง ในการจัดทำงบประมาณ การอนุมัติงบฯ การบริหารงบฯ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ปี 2568 วงเงินราว 51,584 ล้านบาท ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เพื่อประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 โดยทั้ง 2 สำนวนนี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.

 

นอกจากนี้ ยังมีคดีกล่าวหา “ตั๋ว PN” หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน ในการซื้อขายหุ้นกว่า 4.4 พันล้านบาท แก่บุคคลในครอบครัวของ น.ส.แพทองธาร โดยถูกฝ่ายค้าน นำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)กังขา และนำไปสู่การซักฟอกในสภาฯ อย่างเผ็ดร้อนว่า เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้ กว่า 218.7 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น เช่นกัน

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ