svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สว.อลงกต" ชี้ ตร.อายัดบัญชี อาจผิดมาตรา 157 คนเดือดร้อนเอาผิดได้

วุฒิสภาห่วงมาตรการอายัดบัญชีกระทบผู้บริสุทธิ์ เสนอแนวทางแก้ปัญหา "สว.อลงกต" ตั้งข้อสังเกตตำรวจไซเบอร์อายัดบัญชี อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอาผิดกลับได้!

15 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายพละวัต ตันศิริ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกกรรมการ การเศรษฐกิจ การเงิน และการคลังสมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวกรณีการอายัดบัญชีธนาคาร โดย นายพละวัต กล่าวว่า จากการติดตามมาตราการปราบปรามภัยร้ายทางออนไลน์ โดยเฉพาะการจัดการบัญชีม้า เริ่มส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนผู้สุจริต ที่มีธุรกรรมทางการเงินที่ซับซ้อน ทำให้เกิดข้อจำกัด และความเดือดร้อนในการทำมาค้าขาย แม้จะอายัดอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดยั้งการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย

แต่ในหลายกรณีการอายัดบัญชี ทำให้บัญชีของผู้สุจริต ที่อาจถูกนำไปใช้โดยไม่รู้ตัวถูกอายัดไปด้วย ส่งผลกระทบต่อการค้าขาย และสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง ขั้นตอนการขอคืนบัญชีที่ยุ่งยาก มีความซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชน ไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนได้ทันที ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ ความไม่ชัดเจนของเกณฑ์การบังคับใช้ การขาดเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกันในการบังคับใช้  ทำให้เจ้าหน้าที่แต่ละรายอาจใช้ดุลยพินิจที่แตกต่างกัน ในระดับของความเสียหาย สร้างความไม่แน่นอนและข้อกังวลให้แก่ผู้ประกอบการ

ดังนั้น คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง และ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรมวุฒิสภา ที่ได้ทำงานร่วมกัน จึงเสนอการแก้ปัญหา ระยะสั้นควรมีการกำหนดเกณฑ์การพิจารณา "บัญชีม้า" ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่ใช่พิจารณาเพียงแค่จำนวนบัญชีที่เปิด หรือความถี่ในการโอนเงินเท่านั้น , ระยะกลาง ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน  และ ระยะยาว ควรสร้างแพลตฟอร์มกลางสำหรับแจ้งและตรวจสอบบัญชีม้า เสนอให้จัดทำ ฐานข้อมูลกลางของบัญชีต้องสงสัย และควรพัฒนาระบบที่ช่วยให้ผู้ที่ถูกอายัดบัญชี สามารถยื่นคำร้องและชี้แจงข้อมูลได้ 

"สว.อลงกต" ชี้ ตร.อายัดบัญชี อาจผิดมาตรา 157 คนเดือดร้อนเอาผิดได้

ขณะที่ น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) รองโฆษกกรรมการติดตามงบประมาณ กล่าวว่า กรณีการอายัดบัญชีธนาคาร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีการแห่ถอนเงินกันจำนวนมาก ล่าสุดปลัดกระทรวงดีอี ชี้แจงแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบ แต่เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วน ที่ต้องสงสัยซึ่งธนาคารระงับได้ 3 วัน และทำหน้าที่ตำรวจสามารถระงับได้ไม่เกิน 7 วันหากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิด เงินที่ถูกระงับก็ถูกโอนกลับเข้าไปในเจ้าของบัญชี

ทั้งนี้ การระงับเงิน 3 วัน 7 วัน มากพอที่จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินสำรวจความเดือดร้อนดูบ้าง ซึ่งกรรมาธิการได้รับเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้าน ก็ต้องขึ้นป้ายรับเงินสด  ประชาชนจำนวนมากเกิดความหวาดกลัว แห่ไปถอนเงินสดจนมีข่าวว่า เงินไม่พอถอน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย และความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นระบบการเงินแห่งชาติ

ขณะที่การเปิดสายด่วน ก็ไม่มีคนรับสาย แสดงให้เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีความพร้อม ในการรับมือเหตุการณ์ครั้งนี้ประชาชนต้องใช้เงินทุกวัน และสำหรับ 3-7 วันเป็นการรอคอยที่นานเกินไป ถึงยืนยันว่าไม่ใช่บัญชีม้า แต่คำถามคือประชาชนต้องทนรับภาระเรื่องนี้ หรือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐาน จึงขอเสนอแนวทางเร่งด่วนดังนี้
 

1.เร่งปลดระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน

2. กำหนดมาตรฐานเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

3.สร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งบูรณาการร่วมกันระหว่างธนาคารตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หากเราปล่อยให้ประชาชนรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วัน ความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง

"สว.อลงกต" ตั้งข้อสังเกตทำตามขั้นตอนปกครองหรือไม่ ชี้อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
 

นายอลงกต วรกี ประธานกรรมาธิการติดตามงบประมาณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจไซเบอร์ใช้อำนาจในการอายัด ขัดต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ การอายัดบัญชีแม้จะเป็นอำนาจของตำรวจไซเบอร์ แต่การอายัดนั้นปฏิบัติตามวิธีปกครองหรือไม่ ก่อนจะมีการอายัดตำรวจพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะต้องเรียกเจ้าของบัญชีมาชี้แจงก่อน ถ้าชี้แจงไม่ได้ จึงค่อยอายัดบัญชี การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จึงเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความเจ้าหน้า ตามมาตรา 157 ได้ แต่ถ้าต้องการเรียกค่าเสียหาย จะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือเรื่องการเชิญ สตช. , ตำรวจไซเบอร์, ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ เข้าชี้แจงต่อ กมธ.ในสัปดาห์หน้า