svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“ดร.สุรชาติ” เตือนผลหารือ GBC 12 ปัญหาระวังกลายเป็น “กาวดักหนู”

“ดร.สุรชาติ” เตือนผลหารือ GBC ไทย-กัมพูชา หวานซ่อนเปรี้ยว! ชี้มี 12 ปัญหาที่ไทยยังเพลี่ยงพล้ำ ระวังกลายเป็น “กาวดักหนู”

12 กันยายน 2568 ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ มองกรณีผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 เพื่อแก้ปัญหาระหว่างไทยกัมพูชา ฝ่ายไทยนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม 
โดยผลการหารือมีข้อสรุปว่า "ไทย-กัมพูชา" เห็นชอบ "ถอนอาวุธหนัก-ร่วมกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์"

ดร.สุรชาติ มองว่า แม้ผลการประชุมคณะกรรมการ GBC ล่าสุด ดูจะจบลงอย่างสวยหรู และรวดเร็ว แต่ภายใต้ ความสวยหรูนี้ กลับนำไปสู่คำถามในเชิงนโยบายหลายประเด็น ดังนี้ 

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ

1.ในช่วงที่ผ่านมา ไทยกับกัมพูชา มีปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การใช้กำลังอาวุธของคู่พิพาท ไทยพยายามเรียกร้องให้กัมพูชายุติปัญหา แต่ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด

2.แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล และเกิดการประชุม GBC วาระพิเศษครั้งนี้ ปัญหากลับยุติลงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่เป็นข้อเรียกร้องเดิมของฝ่ายไทย และใช้ผู้เจรจาคนเดิม ความสำเร็จจึงเกิดภาพสะท้อนว่า การเจรจาประสบความสำเร็จได้ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไทยใช่หรือไม่

3.ในทางปฏิบัติ ความสำเร็จของการเจรจาจะเกิดขึ้นจริง เมื่อรัฐบาลคู่พิพาทนำเอาข้อตกลงนี้ไปสู่การปฏิบัติในสนาม ภาพความสำเร็จบนโต๊ะเจรจา จึงไม่ใช่คำตอบทั้งหมด ดังนั้น สังคมไทยอาจต้องการความชัดเจนถึง การนำเอาความตกลงไปทำให้เกิดผล โดยเฉพาะในจุดที่เป็นปัญหา เช่น ในกรณีบ้านหนองจาน

4.การอ้างถึงประเทศที่ 3 และมีการให้ข้อมูลว่าเป็น “ประเทศญี่ปุ่น” ที่กดดันให้เกิดการเปิดด่านนั้น เป็นภาพสะท้อนที่เป็นปัญหาความเข้าใจของประธาน GBC ฝ่ายไทย เพราะในเวทีการเจรจาระหว่างประเทศ ต้องรู้ว่าอะไรควรและไม่ควรพูดในที่สาธารณะ

5.การเปิดประเด็นเรื่องประเทศที่ 3 ทำให้โลกโซเชียลของไทยเปิดประเด็นกับสถานทูตญี่ปุ่นในไทย หรือที่เรียกว่า “ทัวร์ลงสถานทูตญี่ปุ่น” อันทำให้รัฐบาลไทยมีปัญหากับญี่ปุ่นโดยไม่จำเป็น และเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดอย่างยิ่ง

6.รัฐบาล/นายกรัฐมนตรีอาจต้องตระหนักว่า ปัญหากัมพูชามีผลทาง “จิตวิทยาการเมือง” กับคนในสังคมไทยอย่างมาก และเวทีการประชุมเพียงแค่ระดับ GBC อาจไม่ช่วยแก้ปัญหา ดังจะเห็นได้ว่า เวที GBC แรกของรัฐบาลอนุทินต้องถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ  เพราะมีเสียงต่อต้านในสังคมไทยทั้งจากทหารและประชาชนอย่างมาก (ไม่อยากประเมินว่า ในทางจิตวิทยาการเมืองต้องถือว่า “ล้มไม่เป็นท่า”!) 

“ดร.สุรชาติ” เตือนผลหารือ GBC 12 ปัญหาระวังกลายเป็น “กาวดักหนู”

7.ปัญหาจิตวิทยาการเมือง ที่กลายเป็นเสียงเรียกร้องให้ “ปิดด่าน” และดำเนินนโยบายที่เข้มงวดต่อกัมพูชา จนกว่าจะมีการปฏิบัติจริง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนกำลัง และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ประเด็นนี้สะท้อนว่า คณะเจรจาฝ่ายไทยไม่เข้าใจถึงผล “จิตวิทยาสงคราม” และมองแบบคิดง่ายๆ ว่า ไปเจอกับฝ่ายกัมพูชา แลกเปลี่ยนเอกสารกันไม่นานแล้ว ทุกอย่างจบหมด และจะเป็นผลงานชิ้น “โบว์แดง” แรกของว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม แต่ของจริง สิ่งที่เกิดกลับกลายเป็น “โบว์ดำ” ชิ้นใหญ่ของรัฐบาลอนุทิน ผู้นำรัฐบาลต้องทำความเข้าใจในปัญหาผลเช่นนี้

8.ปัญหาที่เกิดขึ้นกำลังทำให้นโยบายความมั่นคง ระหว่างประเทศของไทย ในการแก้ปัญหากัมพูชา มีอาการ “ติดกับดัก” จากความอ่อนทางความคิดของผู้แทน GBC ไทยที่มองเรื่องนี้ว่า “ง่ายไปหมด” และรัฐบาลกัมพูชายอมหมดแล้ว ทุกอย่างจบหมดแล้ว ซึ่งไม่จริงแต่อย่างใด เพราะยังมีประเด็นค้างคาอย่างมีนัยสำคัญในสังคมไทย

9.นายกรัฐมนตรีอาจต้องทำความเข้าใจกับปัญหาเช่นนี้มากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ความ “อ่อนไหวเชิงอารมณ์ความรู้สึก” ในสังคมไทย และจะปล่อยให้เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหมที่คุมงาน GBC ฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะผลที่เกิดขึ้นกระทบกับภาพของรัฐบาลโดยตรง

10.นายกฯ อาจต้องคุยควบคู่ไปกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องรับผิดชอบการเจรจา JBC ในอนาคต และการประชุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็น “เวทีระหว่างประเทศ” ไม่ใช่ “เวทีคุยทหาร”

11.นายกฯ ควรคุยโดยตรงกับผู้บัญชาการทหารบก เพราะกองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบงานสนามโดยตรง  และเป็นฝ่ายที่ดูแลการเจรจา RBC นายกฯ ต้องไม่ใช้การคุยผ่าน รมว. กลาโหม ที่เชื่อว่าเป็น “คนกลาง” ในเรื่องนี้ เพราะปัญหาที่เกิดในปัจจุบัน กำลังแสดงออกให้เห็นแรงเสียดทานระหว่างกองทัพกับรัฐบาลอย่างชัดเจน (เรื่องนี้อาจจะใหญ่กว่าที่นายกฯ คิด!)

12.นายกฯ อาจจะต้องมีบทบาทโดยตรงในการ “สื่อสารทางการเมือง” กับสังคมในเรื่องนี้ เพราะบทบาทของประธานการเจรจาฝ่ายไทย ได้หมดความน่าเชื่อถือทางสังคมไปแล้ว การสื่อสารของนายกฯ จะช่วยแก้ปัญหาปล่อยข่าวของผู้นำทหาร ในระดับฝ่ายการเมืองบางคนผ่านนักข่าวบางคน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ เช่น ที่ประเด็นเรื่องญี่ปุ่น มาจากข้อมูลของนักข่าว ปัญหาเช่นนี้ทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นตีความว่า เป็นความไม่รับผิดชอบของผู้นำไทย และปล่อยข่าวผ่านสื่อเพื่อให้ญี่ปุ่นเป็นเป้าในการถูกวิจารณ์จากสังคมไทย นายกฯ อาจต้องตระหนักถึงความละเอียดอ่อนของปัญหาระหว่างประเทศ

ดร.สุรชาติ ทิ้งท้ายว่า ปัญหาที่นำเสนอทั้ง 12 ประการในข้างต้น เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า การแก้ปัญหาข้อพิพาทครั้งนี้ อาจไม่ง่าย และไม่รวดเร็วอย่างที่ประธาน GBC นำเสนอ ขณะเดียวกัน ก็เป็นสัญญาณเตือนนายกฯ ถึงความซับซ้อนและความละเอียดอ่อนของปัญหา จึงต้องระมัดระวังไม่ให้ปัญหากัมพูชาเป็น “กาวดักหนู” ดังเช่นที่ปรากฏในรัฐบาลก่อนมาแล้ว! 

“ดร.สุรชาติ” เตือนผลหารือ GBC 12 ปัญหาระวังกลายเป็น “กาวดักหนู”