
11 กันยายน 2568 หลัง "โครงการป้องกันน้ำท่วมทิพย์" (ghost projects) มูลค่ากว่า 300,000 ล้านเปโซ ที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ อ้างว่า นำไปใช้สร้างพนังกั้นน้ำถึง 60 โครงการ แต่สิ่งที่เห็นเป็นเพียง "กำแพงเปลือย" ที่ไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ และงบประมาณ 70% ก็หายไปกับการคอร์รัปชั่น ซึ่งเมื่อตรวจดูรายชื่อผู้รับเหมาของแต่ละโครงการแล้ว ก็น่าจะเป็น "ผู้รับเหมาทิพย์" (ghost contractors ) เช่นกัน เมื่อเรื่องนี้ถูกแชร์จนเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย ไม่น่าเชื่อว่า จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาว "Gen Z" ของเนปาล พากันลุกฮือประท้วงจนกลายเป็นเหตุรุนแรง และสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างกว้างขวาง
การประท้วงในตอนแรก ถูกระบุว่า เป็นไฟแค้นที่ถูกจุดเพราะถูกปิดกั้นการใช้โซเชียล มีเดีย เช่น Facebook, IG, X,YouTube และอีกหลายแพลตฟอร์ม แต่ที่ถูกพูดถึงในเวลาต่อมาคือ กระแส #NepoBaby ที่บ่งชี้ถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมเนปาลที่ชัดเจนที่สุด และเรื่องนี้ ก็เป็นแรงบันดาลใจมาจากฟิลิปปินส์อีกเช่นกัน เพราะบรรดาลูกหลานข้าราชการ นักการเมืองและผู้รับเหมา พากันอวดรวยด้วยการโชว์กระเป๋าแบรนด์เนม มีชีวิตหรูหรา ท่องเที่ยวต่างประเทศ สวนทางกับบ้านที่ต้องทนลำบากกับพายุไต้ฝุ่น และพายุโซนร้อนที่พัดเข้าไปสร้างหายนะ ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ลูก และทุกครั้งต้องทนมองสภาพบ้านเรือนที่จมอยู่ในน้ำ เพราะโครงการป้องกันน้ำท่วมไม่เคยมีอยู่จริง
แม้จะเป็นกระแสมาจากฟิลิปปินส์ แต่ประชาชนที่โกรธแค้น "ชาวเนปาล" กลับลงมือก่อน พวกเขาบุกอาคารยึดรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และสถานที่สำคัญอื่นๆ ก่อนจุดไฟเผา นักการเมืองหลายคนต้องหนีตาย ในสภาพห้อยโหนไปกับเฮลิคอปเตอร์ บางคนหนีไม่ทันถูกม็อบรุมทุบตี ขณะที่การลาออกของนายกรัฐมนตรี เค.พี. ศรรมะ โอลี เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการล่มสลายของรัฐบาล
แม้ว่าบ้านเมืองจะเริ่มสงบลง หลังการประกาศเคอร์ฟิว กองทัพส่งทหารเข้าควบคุมทั่วกรุงกาฐมาณฑุ และประธานาธิบดีรามจันทระ เปาเฑล เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมร่วมมือเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ตลอดจนเปิดพื้นที่ให้ร่วมหารือถึงเรื่องผู้นำรัฐบาลชั่วคราว ที่มีการเสนอชื่อ "สุศิลา การ์กี" อดีตประธานศาลฎีกาหญิงคนแรกของประเทศ เป็น "ผู้รักษาการ" ผู้นำประเทศชั่วคราว เพื่อคลี่คลายวิกฤต แต่ก็ยังไม่ได้รับการสนองมากนัก
ยังมีปัญหาคาใจสำหรับหลายฝ่าย เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีเค พี ศรรมะ โอลี ที่ว่าเขาจะหอบเอาความมั่งคั่งหนีไปประเทศอื่นหรือไม่ และประเทศที่ถูกมองว่าเขามีความใกล้ชิดสนิทสนมด้วยมากที่สุด ก็คือ "กัมพูชา" และ "ฮุนเซน" พร้อมที่จะเปิดห้องนอนสีชมพู คอยต้อนรับเขาเป็นคนล่าสุดหรือไม่
มีข้อมูลว่า ตั้งแต่ปี 2562 เขาเดินทางไปพบผู้นำกัมพูชา 2-3 ครั้ง และตามมาอีกหลายครั้งหลังจากนั้น มีหลักฐานเป็นภาพผู้นำของทั้งสองและครอบครัว พบปะกันบ่อยครั้งด้วย ทางสื่อของเนปาลก็เริ่มตั้งทฤษฎีความเชื่อมโยง และตั้งข้อสังเกตว่า อดีตนายกฯ ของเนปาล อาจจะผ่องถ่ายทรัพย์สินบางส่วน ฝากไว้ในรูปแบบการลงทุนกับโครงการของ "ฮุน เซน" ที่ยังไม่แน่ชัดว่า จะไปเกี่ยวข้องกับบริษัทที่เพิ่งโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตร หรืออยู่เป็นการลงทุนในคาสิโน หรืออื่นๆ หรือไม่
สำหรับ เค พี ศรรมะ โอลี เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นครั้งเดียว ทั้งที่มีความสัมพันธ์กันมานานกว่า 60 ปี