
10 กันยายน 2568 ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งบังคับโทษจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันอังคารที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุการณ์พลิกผันครั้งสำคัญสำหรับผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง โดยศาลฯ ตัดสินว่า การพักรักษาตัวในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของ "ทักษิณ" เมื่อปีที่แล้ว ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ต้องมีการบังคับโทษใหม่ ให้ส่งตัวเขาไปรับโทษจำคุกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 1 ปี
1.ศาลมีอำนาจไต่สวนการบังคับโทษของจำเลย
เหตุผล :
2.ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาล
ข้อสงสัย :
3.การไต่สวนของศาลเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคำสั่งศาลที่ให้ยกคำร้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ หรือไม่
4.มีการบังคับโทษตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดหรือไม่
ไล่เรียงไทม์ไลน์และข้อเท็จจริงที่ค้นพบ :
1 โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท => รพ.ราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง
2 โรคหัวใจ => รพ.ราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง
3 โรคไวรัสตับอักเสบบี => รพ.ราชทัณฑ์ไม่มีคลินิกโรคตับ
สรุป 1 การส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจทันที จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและกฎกระทรวง
สรุป 2 ขัดระเบียบโรงพยาบาลตำรวจ ที่กำหนดว่า การรับผู้ต้องขัง หรือนักโทษนอกเวลาราชการ ต้องให้แพทย์ห้องฉุกเฉินและอุบัติเหตุเป็นผู้ตรวจรักษา
สรุป 3 อาการของจำเลยในคืนเกิดเหตุ รพ.ราชทัณฑ์รักษาได้ ไม่จำเป็นต้องส่งไปรักษานอกเรือนจำ
สรุป 4 เชื่อว่าคืนวันที่ 22 ส.ค.2566 จำเลยไม่ได้มีอาการแน่นหน้าอก แต่ใช้เหตุนี้มาอ้างในการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
++ รักษาอาการสมองขาดเลือด ++
++ ผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม ++
สรุป 5 การบังคับโทษไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“จำเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่า ตนไม่ได้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้”
“จำเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดดับไขสันหลังและเส้นประสาท เลือกผ่าตัดนิ้วล็อก และเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เป็นผลให้ขยายเวลารักษาที่โรงพยาาลตำรวจออกไป จำเลยจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจำจนได้รับการปล่อยตัว”
สรุป 6 ไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการดำเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่ โดยไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลย เพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยูู่โรงพยาบาลตำรวจ มาหักวันคุมขังโทษตามคำพิพากษา
สรุป 7 จำเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือ 1 ปี จึงต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาต่อไปอีก 1 ปี นับตั้งแต่ 31 ส.ค.2566 แต่เมื่อการบังคับโทษจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระบวนการพักการลงโทษจึงไม่มีผลตามกฎหมาย ไม่อาจนำเอาระยะเวลาที่พักอยู่โรงพยาบาลตำรวจมาหักเป็นวันคุมขังได้ ต้องรับโทษจำคุกอีก 1 ปีั ตามพระะบรมราชโองการ
แพร่งที่ 1
ปลายทาง : มีโอกาสพลิกฟื้นความนิยม กลับมาเป็น “ตัวแปรทางการเมือง” ได้
แพร่งที่ 2
ปลายทาง : แนวโน้มเสี่ยงล่มสลาย เป็นพรรคต่ำ 60