
9 กันยายน 2568 มีข้อมูลยืนยันชัดจากแหล่งข่าวใกล้ชิด อดีตนายกฯทักษิณ ว่า การไป "ดูไบ" เป็นหนึ่งในแผนสู้คดีชั้น 14 และเตรียมความพร้อมสำหรับ worst case scenario โดนศาลฎีกานักการเมืองสั่งให้ไปติดคุกจริงอีกรอบ
ประกอบกับมีข่าวการไปพบแพทย์เฉพาะทาง และน่าจะนำใบรับรองแพทย์มาใช้ในการขอผ่อนผันการคุมขังในสถานที่คุมขังอื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ ซึ่งก็คือ “ระเบียบนอนนอกคุก” นั่นเอง
ทั้งนี้ การตัดสินใจของอดีตนายกฯทักษิณ มีขึ้นก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว จากการหารือร่วมกับคนในครอบครัว และทีมงานใกล้ชิด ตามที่รายการ “ข่าวข้นคนข่าว” เคยรายงานเอาไว้อย่างน้อย 3 ครั้ง
ซึ่งเป็นการตัดสินใจต่อสู้ทางคดี ไม่ถอย ไม่หนี และไม่ไปอยู่ต่างประเทศอีกแล้ว เพราะไม่อยากจากครอบครัว และหากหนีอีก ก็จะไม่ได้กลับเมืองไทยอีกเลย
และในทางกลับกัน เป็นการต่อสู้ทางการเมืองแบบไม่ยอมแพ้ แม้จะพ่ายเกมการเมือง “สายสีน้ำเงิน” ราบคาบ จนถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยอาจถึงกาลล่มสลาย "ตระกูลชินวัตร" ปิดฉากทางการเมือง
แต่การตัดสินใจ “เดินเข้าคุก” หากโดนศาลสั่งในวันนี้ (9 ก.ย.2568) ด้านหนึ่งจะพลิกกระแสให้สังคมส่วนหนึ่งยอมรับคุณทักษิณ และให้โอกาสเมื่อออกมาโลดแล่นทางการเมืองอีกครั้ง
ขณะที่อีกด้านก็เป็นหลักประกัน หลักชัย และให้ความมั่นใจกับ สส.เพื่อไทย ว่า “นายใหญ่” ยังสู้ต่อ ไม่ไปไหน เพื่อสยบกระแสพรรคแตก แพแตก ล่มสลาย
*** สุดท้ายเป็นการปราม “พรรคสีน้ำเงิน” ว่าอย่าเพิ่งได้ใจไป แม้จะได้อำนาจ เพราะ “สีแดง” ไม่ยอมแพ้
“นอนนอกคุก” ไม่ใช่ “พักโทษ” - ลุ้นใครได้สิทธิ์ล็อตแรก
สำหรับแนวทางการใช้ “ระเบียบ-ประกาศ นอนนอกคุก” ซึ่งมีชื่อเต็มว่า ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติเฉพาะ ลักษณะต้องห้าม และวิธีการคุมขังผู้ต้องขังในสถานที่คุมขังตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 พ.ศ.2568
จะเห็นได้ว่า ประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ ออกมาบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ผ่านมาหลายเดือน มีผู้ต้องขังรายใดเข้าข่ายได้รับสิทธิ์ “นอนนอกคุก” บ้างหรือยัง
เราตรวจสอบไปยัง “กรมราชทัณฑ์” ได้ข้อมูลว่า จนถึงขณะนี้ัยังไม่มีผู้ต้องขังรายใดได้สิทธิ์นี้ แต่ได้มีการเตรียมการ “จำแนกผู้ต้องขัง” ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในระเบียบและประกาศฯ เรียบร้อยแล้ว และได้เสนอชื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ตัวเลขผู้ต้องขังที่มีการเสนอชื่อ ราวๆ 20,000 คน โดยการปฏิบัติตามระเบียบและประกาศนี้ มีส่วนช่วยในการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งเรือนจำไทยติดกลุ่มแออัดมากที่สุดในโลก (ติด 1 ใน 5 ของโลก)
ขณะที่ ระเบียบและประกาศเรื่อง “นอนนอกคุก” เป็นคนละเรื่อง “พักโทษ” หรือ “พักการลงโทษ” ซึ่งมีเงื่อนไขต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 6 เดือน แล้วแต่กรณีใดมากกว่า โดยการพักโทษ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ จะสามารถออกไปใช้ชีวิตเกือบจะเป็นปกติได้ที่บ้าน หรือเคหะสถานของตน เพียงแต่อาจจะต้องติดกำไลอีเอ็ม และรายงานตัวเป็นระยะตามที่กรมคุมประพฤติกำหนด แต่สามารถเดินทางออกนอกบ้าน ไปต่างจังหวัดได้ โดยอาจจะต้องขออนุญาตเป็นคราวๆ ไป ซึ่งอดีตนายกฯทักษิณ เคยได้รับพักโทษมาแล้ว
ส่วนระเบียบ “นอนนอกคุก” ลักษณะเหมือนย้ายสถานที่คุมขัง จากเรือนจำ ไปขังที่อื่น แต่ยังต้องถูกจำกัดบริเวณ เช่น ห้องภายในบ้าน หรือสถานที่อื่นที่ประกาศให้เป็น “สถานที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ” โดยสถานที่นั้นจะต้องมีกล้องวงจรปิดตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง และไม่สามารถเดินทางออกนอกสถานที่คุมขังได้