
นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับวิปฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล เพื่อหารือกำหนดวัน ที่สภาผู้แทนราษฎร จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ประกาศนำจัดตั้งรัฐบาล 146 เสียง โดยมีเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชนอีก 143 เสียงว่า ที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุป โดยขอให้เป็นอำนาจของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ได้ความชัดเจนในวันนี้ (3 ก.ย.) ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะมีความเห็นอย่างไร เพราะพวกตน ไม่สามารถบรรจุระเบียบวาระได้ เพราะฝ่ายเสียงข้างมาก เกรงว่า จะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ และมั่นใจว่า จะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน และประเทศไทย จำเป็นจะต้องมีนายกรัฐมนตรี บนพื้นฐานความสง่างาม ไม่ถูกครหาในภายหลัง และควรรอให้ได้ไม่กี่วัน พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่การถ่วงเวลา แต่เป็นกระบวนการตามกฎหมาย
รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังเปิดเผยบรรยากาศในการประชุม 2 ฝ่ายว่า ฝ่ายที่อ้างมีเสียงข้างมาก ก็อยากจะให้มีการประชุม และให้มีความชัดเจนในวันนี้ (3 ก.ย.) เพื่อเสนอประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ซึ่งถ้าวันนี้ (3 ก.ย.) สามารถบรรจุวาระการประชุมได้ การประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเร็วที่สุด ก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 กันยายนนี้ หรือเป็นดุลยพินิจของประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่หากไม่ทัน ก็ยังมีเวลาที่นัดประชุมได้ แต่อย่างน้อยจะต้องนัดล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 วัน
ส่วนหลัง 16.00 น.ซึ่งเป็นเวลานอกราชการ จะสามารถบรรจุระเบียบวาระการประชุมทันหรือไม่นั้น รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า จะต้องยึดเวลาราชการ 16.30 น. ซึ่งเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา ตนก็ได้แจ้งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับทราบต่อข้อกังวลที่เกิดขึ้นในที่ประชุม จึงเชื่อว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้ หลังฝ่ายบริหารได้ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ไป ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ ที่เกิดขึ้น นอกเหนือจาก ข้อกังวลเรื่องการแต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่มีความกังวลต่อกรณีที่ฝ่ายบริหารได้ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ไปมากกว่า
ส่วนนอกจากวันที่ 5 กันยายนนี้แล้ว ที่ประชุมพิจารณาอย่างไรอีกหรือไม่นั้น รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ ได้เสนอให้พิจารณาในสัปดาห์หน้า ซึ่งสามารถนัดได้ทุกวัน แต่จะต้องแจ้งล่วงหน้า 1 วัน หรือจะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้
ส่วนการที่จะต้องรอความชัดเจน ฝ่ายที่ต้องการเดินหน้าลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ยอมรับได้หรือไม่นั้น รองประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า ตนดูหลายคนในฝั่งนั้น ได้พยักหน้าว่า จะต้องรอพระราชอำนาจ ไม่มีใครก้าวล่วงได้
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้นัดหารือกับวิปทั้ง 2 ฝ่ายดังกล่าวแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจาก มี สส.20 คน ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้เข้าชื่อกันถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายต่อกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยคำร้อง ในคดีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี หลังพบว่า นายสราวุธ ทรงศิวิไล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนนายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ที่ประชุมวิป 2 ฝ่าย จึงได้แสดงความเห็น และเพื่อความชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะรับเรื่องหรือไม่ จึงได้ข้อสรุปตรงกันว่า เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ให้ถูกต้องตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงขอเลื่อนเวลาการประชุมจาก 10.00 น.ช่วงเช้า เป็นเวลา 15.00 น. วันนี้ (3 ก.ย.) และคาดว่า ศาลฯ จะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน และเมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว จะได้นัดประชุมอีกครั้ง พร้อมยอมรับว่า ในที่ประชุม ยังมีการแสดงความเห็นอยากให้บรรจุวาระการเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายนนี้