
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคประชาชน แถลงแถลงผลการประชุมตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคฯ ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีว่า พรรคประชาชน จะเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 โดยพรรคภูมิใจไทย จะต้องยอมตกลงเงื่อนไข ที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ดังนี้
1. จะต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับแต่วันที่มีการแถลงนโยบาย
2. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะแก้รัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะต้องจัดประชามติในครั้งแรก เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่เกินกว่าวันเลือกตั้งทั่วไป
3. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ต้องประชามติก่อนรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน และพรรคถูมิใจไทย จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อตั้ง สสร.ภายในอายุสภาชุดนี้ และสร้างหลักประกันการยุบสภาภายใน 4 เดือนจริง
4. พรรคภูมิใจไทย จะต้องไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อผลักดันให้ตนเองเป็นเสียงข้างมาก
5.พรรคประชาชน จะเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชน ไปดำรงตำแหน่งพรรคประชาชน
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สำหรับข้อตกลงฉบับนี้ จะมีผลก็ต่อเมื่อหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมลงนามข้อตกลง และมีถ้อยแถลงต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ
นายณัฐพงษ์ ยังยอมรับว่า เงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือน นับแต่วันที่มีการแถลงนโยบายนั้น จะต้องประเมินตามข้อเท็จจริงเป็นหลัก ซึ่งพรรคประชาชน มีหน้าที่ในการกำกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้ไปสู่จุดนั้น ถ้าในระหว่างกระบวนการมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องมีการบวกลบเวลา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่เกี่ยวข้องกับกรบต้องแก้ไข มาตรา 256 ก่อน ตนเชื่อว่า เป็นเหตุผลต่อสาธารณชน เพื่อจัดทำรัฐธรรมนุญได้ แต่ขณะนี้ ต้องยึดเวลา 4 เดือนไว้ก่อน
นายณัฐพงษ์ ยังระบุว่า พรรคประชาชนเห็นว่า หากพรรคประชาชนงดออกเสียงในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี อาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และอาจทำให้เกิดการไหลกลับไปรวมตัวกันของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และเปิดทางให้หัวหน้าคณะรัฐประหาร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ซึ่งขัดหลักการที่พรรคประชาชนยึดถือ และระยะเวลา 5 วันที่ผ่านมาไม่แน่นอน และกระแสข่าวการยุบสภาปัจจุบัน ยังไม่มีการชี้แจง หรือรับรองอย่างทางการจากพรรคเพื่อไทยว่า มีการทูลเกล้าฯ แล้วหรือไม่ โดยนับตั้งแต่มีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และฮุนเซนั้น พรรคประชาชน ยืนยันมาโดยตลอดว่า ทางออกที่ดีที่สด คือการคืนอำนาจให้ประชาชน กำหนดตัดสินใจอนาคตประเทศ ผ่านการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ ให้ได้รัฐบาลใหม่ ที่มีเสถียรภาพ แก้ปัญหาประเทศ กระทั่งวันนี้ (3 ก.ย.) รัฐบาลที่มีอำนาจยุบสภา กลับยังไม่มีความชัดเจน ไม่ตอบสนอง และพยายามอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด โดยไม่สำนึกความล้มเหลวในการบริหารบริเทศที่ประชาชน ไม่อาจให้ความไว้วางใจให้บริหารประเทศได้อีกต่อไป
นายณัฐพงษ์ ยังยืนยันว่า จากการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชนได้พิจารณาอย่างละเอียด และคำนึงกลไก เพื่อให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยึดถือเงื่อนไขของพรรคประชาชน และได้รับฟังเสียงสมาชิกอย่างรอบด้าน ไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ รับฟังเสียงทุกองคาพยพอย่างรอบด้าน รวมถึงทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค สส. เครือข่ายทั่วประเทศ และพนักงานพรรค ซึ่งส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกับแนวทางกรรมการบริหารพรรค ที่พรรคภูมิใจไทย มีหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ว่า จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่พรรคประชาชนสามารถกำกับพรรคภูมิใจไทยได้
นายณัฐพงษ์ ยังยืนยันต่อประชาชนด้วยว่า การตัดสินใจนี้ ไม่ได้ตัดสินใจโดยใช้ข้อคิดเห็น หรือความนิยมของพรรคประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่มีเป้าหมาย เพื่อพาประเทศสู่ทางออก ตามวิถีทางประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ป้องกันอำนาจนอกระบบ เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมการยุบสภานั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ณ เวลานี้ จะต้องเชื่อข่าวสารอย่างเป็นทางการก่อน เพราะที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวหลายทาง ดังนั้น กรรมการบริหารพรรคฯ จึงตัดสินใจบนพื้นฐานข้อเท็จจริงทางการ และพรรคประชาชนต้องการหาทางออกให้ประเทศ หากมีการทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุคสภาผู้แทนราษฎร ก็จะต้องถามพรรคเพื่อไทยอย่างทางการ ซึ่งพรรคประชาชน ยืนยันมาโดยตลอดว่า รักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจ ส่วนจะทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
ส่วนถ้าพรรคภูมิใจไทย ละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงนั้น นายณัฐพงษ์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา ประชาชนได้ลงโทษต่อพรรคการเมืองที่ตระบัตสัตย์แล้วว่า เกิดอะไรขึ้น และในทางปฏิบัติ พรรคประชาชนจะพยายามกำกับให้พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าสู่การยุบสภา และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถ้ามีการบิดพริ้ว ก็ถือว่า เป็นต้นทุนที่พรรคภูมิใจไทยต้องแลกในการตระบัตสัตย์
ส่วนการตัดสินใจเลือกนายอนุทิน จะถือเป็นการบีบให้พรรคเพื่อไทยยุบสภา ตามความต้องการของพรรคประชาชนหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า พรรคฯ ไม่ได้มองเป็นเกม แต่เป็นทางออก เพื่อเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ถ้าระหว่างนี้มีการยุบสภา ก็เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคประชาชน ก็มีความพร้อม