
3 กันยายน 2568 คอการเมืองมองตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยกำลังอยู่ในอาการ “เมาหมัด” และสู้ศึกการเมืองแบบเปะปะ ไม่เหลือทรง “ความยิ่งใหญ่”
แต่จะย่างก้าวดูจะพลาดไปหมด แม้แต่การไม่นัดแนะพา คุณชัยเกษม นิติสิริ ไปเปิดตัวยืนยันให้คำมั่นกับแกนนำพรรคส้มเมื่อวันอาทิตย์ แถมแกนนำพรรค กับคุณชัยเกษม ยังให้สัมภาษณ์ไม่ตรงกัน ทำให้ถูกล้อเลียนทางการเมืองหนักขึ้นไปอีก
ล่าสุด พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ จึงต้อง “ออกโรงช่วยชีวิต” ด้วยการหอบกระเช้าไปเยี่ยมคารวะ คุณชัยเกษม ถึงบ้านย่านรัตนาธิเบศร์ เพื่อยืนยันความพร้อมในการเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ให้พรรคส้มเทคะแนนให้
งานนี้ถือว่าเพื่อไทยเสียหายยับเยิน เพราะ พันตำรวจเอก ทวี ไม่ได้สังกัดเพื่อไทย และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแคนดิเดตนายกฯอย่างคุณชัยเกษมเลย / มีจุดเกาะเกี่ยวกันเพียงจุดเดียวเท่านั้น คือ การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล / แต่งานนี้ควรเป็นงานของ “พรรคเพื่อไทย” มากกว่างานของ “พรรคร่วมฯ”
การช่วยออกแรงเดินเกมของ พันตำรวจเอก ทวี มีการมองอีกด้านหนึ่งว่าเป็นการสร้างกระแส เบี่ยงเบนประเด็นไปจากความเคลื่อนไหวลับๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล
ข่าววงใน “ระดับสูง” จากพรรคเพื่อไทย เผยว่า แผนโต้กลับทางการเมืงอของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ มี 3 แนวทางคือ
1. รอการตัดสินใจของพรรคประชาชน โดยพยายามเปิดตัวคุณชัยเกษม ว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าคุณอนุทิน
- ในฐานะอดีตอัยการสูงสุด และเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คุณชัยเกษมยึดหลักนิติรัฐนิติธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเคยวางตัวให้เห็นมาแล้ว
การยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม จึงตรงกันข้ามกับคู่แข่ง เพราะอีกฝ่ายถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพกฎหมาย หรือไม่
- คุณชัยเกษมสามารถคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการยุบสภา เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์เที่ยงธรรมได้ เพราะเป็นนักกฎหมายที่มีความสามารถ และทำงานด้านอำนวยความยุติธรรมาตลอด
ขณะที่การมองภาพอนาคตอันใกล้ มีแนวโน้มจะมีการใช้อำนาจเกินเลยโดยขาดหลักนิติธรรม โดยเฉพาะเรื่องระบบการเลือกตั้ง หรือการแต่งตั้งโยกย้ายโดยระบบที่ปล่อยให้มีอิทธิพลเหนือระบบราชการ ใช้อำนาจครอบงำระบบต่างๆ => คำกล่าวนี้ของ พันตำรวจเอก ทวี กำลังแซะไปถึง สว.สีน้ำเงิน และขบวนการฮั้ว สว.หรือไม่ เพราะทำให้่การเลือก “ไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม”
2.พรรคเพื่อไทยจะดึงเวลาการโหวตเลือกนายกฯให้ช้าที่สุด เพื่อหาช่องทางรวบรวมเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลให้กลับมาเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งหากทำได้ ก็จะไม่จำเป็นต้องรอหรือพึ่งเสียงของพรรคประชาชน
- โปรดสังเกตการเดินเกมด้วยตัวเองของ “อดีตนายกฯทักษิณ” ทั้งไปร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับ คุณฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด ที่ได้นั่งเป็นรองประธานสภาคนที่ 2 ที่ “ร้านเพลิน” ถนนวิภาวดีรังสิต / ซึ่งมี สส.อีสานไปร่วมกันนับสิบคน หรือหลายสิบคน / โดยคุณทักษิณไปเคลียร์ใจกับ สส.อีสานกลางงานนี้ เพื่อ “หยุดเลือดไหลออก”
- ขณะที่การเข้าพรรคเพื่อไทยวันนี้ ก็ปรากฏตัวพร้อมลูกสาว อดีตนายกฯแพทองธาร
- หากดึงเวลาถึงหลังวันที่ 9 ก.ย. และคุณทักษิณรอดคดีชั้น 14 ก็อาจทำให้มีอำนาจต่อรองสูงขึ้น
3.แผนสุดท้าย คือ พึ่งพา “อัศวินม้าขาว” ทาบทาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกฯ กลับมารับตำแหน่งนายกฯ เพื่อกำราบ “ก๊วนกบฏรวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งก็คือ “กลุ่ม 18” ที่นำโดย “เสี่ยเฮ้ง - ดร.แด๊ก” เพราะทั้งคู่เกรงใจ “ลุงตู่”
หากได้กลุ่ม 18 กลับมา เสียงในสภาจะต่ำกว่ากึ่งหนึ่งไม่มากนัก / พรรคเพื่อไทยก็อาจหามือจาก “พรรคส้ม” มาโหวตหนุน เพื่อหวนกลับมาเป็นรัฐบาลให้ได้อีกครั้ง
เคาะแล้ว “ยุบสภา” รอเวลาด้วยใจระทึก!
ทั้ง 3 แผน หากเทียบระดับความเป็นไปได้ แผนที่ 3 มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด ส่วนแผนที่ 2 กับแผนที่ 1 จริงๆ แล้วเป็นแผนเดียวกัน คือ “ดึงเวลา” แต่ข่าววงในจากพรรคเพื่อไทย และระดับ “แกนนำใน ครม.” ยืนยันว่า การดึงเวลา ไม่ใช่การดึงรอพรรคประชาชน เนื่องจาก ระดับนำของเพื่อไทย พรรคร่วมฯ ก็ไม่พอใจที่พรรคประชาชนเล่นบท “ข่มขู่” และ “เป็นผู้กำหนดเกม”
ฉะนั้นในท้ายที่สุด พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจยุบสภา โดยจะดำเนินการแบบเงียบๆ ซึ่งทุกยุคทุกสมัยก็ทำเช่นนี้ เนื่องจากการยุบสภาเป็น “พระราชอำนาจ” บัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 103 หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา ทุกอย่างก็จบ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฯ ก็พร้อมสู้ เนื่องจาก
- ไม่พอใจท่าทีข่มขู่ของพรรคส้ม ตามที่กล่าวมาแล้ว
- ไม่ต้องการให้อำนาจตกไปถึงมือพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะได้เป็นทั้งรัฐบาลทางการ และรัฐบาลรักษาการช่วงเลือกตั้ง
- ไม่ต้องการให้กรณีเขากระโดง และคดีฮั้ว สว.หยุดชะงัก หากรัฐบาลเพื่อไทยยังได้รักษาการ ก็จะเดินหน้าทั้งสองเรื่องต่อไป หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้ถูกอิทธิพลอื่นแทรกแซง
- การเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา ไม่มีกฎหมายห้ามว่ารัฐบาลรักษาการทำไม่ได้ แต่ทุกอย่างเป็นพระราชอำนาจ จึงไม่มีใครนำมาพูดต่อสาธารณะ
ต้องรอลุ้นกันนาทีต่อนาทีว่า พรรคเพื่อไทยจะหาญกล้าเดินตามแผนนี้ จริงหรือไม่
เพราะฝ่ายที่ต้องการเล่นงานพรรคเพื่อไทย ก็เตรียมร่างคำฟ้อง ทั้งฟ้องศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญเอาไว้รอแล้ว โดยอาจมีการแจ้งความในคดีอาญาพ่วงไปด้วย