svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เตรียมชุมนุมใหญ่ หากได้นายกฯเพื่อไทย

กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ประกาศยกระดับชุมนุมใหญ่ 6 ก.ย.นี้ หากได้นายกฯจากพรรคเพื่อไทย “จตุพร” ห่วง ปชน.ไม่โหวตให้ใครเลย เท่ากับหนุนพรรคสีแดง

31 สิงหาคม 2568 ช่วงเย็นความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ครั้งนี้เป็นการออกมาแสดงพลัง ไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและไม่เอานายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงเรียกร้องไปยังพรรคอื่นๆที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะต้องรับข้อเสนอ 6 ข้อของกลุ่มฯ อาทิ การยกเลิก MOU43-44 ยกเลิกกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย ภายใต้ชื่อกิจกรรมสำแดงพลังต่อต้านระบอบทักษิณ เริ่มขึ้นตั้งแต่ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยมีมวลชนทยอยกันมาเข้าร่วมกิจกรรมบริเวณหน้าเวทีปราศรัย ที่หันหน้าไปทางถนนพหลโยธิน และเริ่มมีแกนนำขึ้นปราศรัย สลับกับการแสดงดนตรี

 

แม้ช่วงบ่ายจะมีฝนตกลงมาแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการทำกิจกรรม และในวันนี้กลุ่มมวลชนยังคงใช้พื้นที่บริเวณหน้าเวทีทำกิจกรรมเป็นหลัก และยังไม่ได้ส่งผลกระทบกับการจราจรโดยรอบ

 

โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า การออกมาแสดงจุดยืนไม่เอาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เพราะจะเป็นการสืบทอดปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา แต่หากสุดท้ายพรรคเพื่อไทยได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เตรียมยกระดับชุมนุมใหญ่ วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568 นี้

จตุพร พรหมพันธุ์

 

นายจตุพร ยังบอกถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนด้วยว่า ไม่ว่าพรรคประชาชนจะเลือกใครก็เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่สิ่งที่กังวลขณะนี้ คือ ท่าทีของพรรคประชาชน ที่นัดประชุมบ่ายโมงในวันพรุ่งนี้ เพื่อขอมติในการโหวตนายกรัฐมนตรี เพราะหากเลือกพรรคเพื่อไทย ก็เจอกับการชุมนุม หากเลือกภูมิใจไทยก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่คณะรวมพลังแผ่นดินได้ประกาศเอาไว้ แต่หากไม่โหวตใครเลย ก็จะถือเป็นการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

  

ส่วน ถ้าไม่ใช่ นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย จะเหมาะสมหรือไม่นั้น นายจตุพร ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่เชื่อว่าคนอื่นที่ไม่ใช่แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย จะยุติปัญหาได้ เพราะไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในกัมพูชา และเชื่อว่าจะกล้ายกเลิก MOU 43 และ 44

  

หากนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 9 กันยายน 2568 จะไม่เห็นตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังคำวินิจฉัยคดีชั้น 14แน่นอน

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เตรียมชุมนุมใหญ่ หากได้นายกฯเพื่อไทย

 

“ไม่ว่าใครที่ขึ้นมาภายใต้ระยะเวลาที่จำกัดนี้ 4 เดือนไม่ไปสร้างความเลวร้ายให้กับบ้านเมืองเพิ่มเติม ก็ถือว่าเพียงพอ ไม่ได้วาดหวังว่าจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ แต่ไม่สร้างความเสียหายเพิ่มเติมก็เพียงพอแล้ว ขณะนี้การเมืองรอบนี้เป็นการสอนเรื่องความไม่ละอาย ด้านได้อายอดสามารถทำได้ทุกเรื่องราว”

 

อย่างไรก็ดีหากพรรคประชาชนไม่โหวตใครเลยเป็นสิ่งที่น่ากังวล แปลว่าเป็นการสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เท่ากับให้พรรคเพื่อไทยรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เป็นคำตอบเรียงกันมาตั้งแต่ดีลฮ่องกง จนกระทั่งที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาเล่าให้ฟัง ความจริงคนโทรศัพท์ไปหาควรจะมีความอับอายที่ไปขอคะแนนเสียงพรรคประชาชนให้มาโหวตนายชัยเกษม และการที่ไม่โหวตให้ใครเท่ากับโหวตให้พรรคเพื่อไทย เป็นเส้นทางที่น่ากังวล

 

เมื่อถามว่า มองภาพที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ขนแกนนำรัฐบาลเดินทางไปพรรคประชาชนอย่างไรบ้าง นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องของคนความจำเสื่อมด้วยกันทั้งคู่ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาการฉีก MOU ตระบัดสัตย์ ถ้าพรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีความจำเสื่อมและไปสนับสนุนก็ต้องเจอกับประชาชน  คนที่มีความคาดหวังว่าจะจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ด้วยการคุมเกมยุบสภาใน 4 เดือนถ้าคนที่มีความจำเสื่อมก็จะเจอกับคนที่มีความจำดีคือประชาชนที่ไม่สามารถยอมรับวิธีการแบบนั้นได้

 

ส่วนการที่นายภูมิธรรมเสนอ ให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ก่อนนั้น นายจตุพร มองว่า เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเสียงเกินครึ่งของรัฐสภาแต่ต้องได้เสียง 1 ใน 3 ของวุฒิสภา ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญญาอยู่แล้ว ย้ำว่ากลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯเราไม่ได้สนับสนุนใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย

 

เมื่อถามว่า หากสุดท้ายพรรคเพื่อไทยได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายจตุพร กล่าวว่า วันเสาร์หน้าก็เจอกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนจะมีการยกระดับหรือไม่เราจะปล่อยให้สถานการณ์ไทย-กัมพูชามีสภาพเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสงครามที่ไม่มีวันจบไม่ได้ ไม่มีความเป็นเอกภาพระหว่างรัฐบาลและกองทัพ ขณะที่กองทัพกับประชาชนเป็นเนื้อเดียว รัฐบาลกลายเป็นคนละพวก นั่นคือภาพที่ปรากฏ

 

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เตรียมชุมนุมใหญ่ หากได้นายกฯเพื่อไทย

 

"เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ตามพรรคประชาชนต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างที่บอกว่าถ้าเล่นบทละคร ไม่เลือกซ้ายไม่เลือกขวา เท่ากับคุณเลือกพรรคเพื่อไทย คุณจะไปจับมือกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่ พรรคเพื่อไทย เราไม่สามารถรับแคดดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไปของพรรคเพื่อไทยได้ ไม่ใช่คุณชัยเกษมจะดีหรือไม่ดีเป็นคนละเรื่อง แต่ในทางการเมืองกรณีไทยกัมพูชาเป็นความเสียหายสูงสุดแล้ว จะปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำรงอยู่ เราก็เห็นอยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทยมาบริหารประเทศ ใครทำหน้าที่เสมียนประเทศใหญ่กว่าทุกองค์กรอยู่ในขณะนี้ พรรคไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

 

นายจตุพร ระบุว่า เราไม่ได้สนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่ง เพียงแต่เราเอาปัญหาของชาติ ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าปัญหามาจากพรรคเพื่อไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะตั้งรัฐบาลเราไม่สามารถจบเรื่องกัมพูชาได้เลย และส่วนตัวไม่ได้มีธงในใจ ในส่วนของภาคประชาชนนั้น เราไม่ได้แข่งขันในเรื่องเชิงอำนาจ ไม่ใช่ว่าไม่เอาแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย และประสงค์จะไปแข่งเชิงอำนาจกันเอง แต่เราเป็นภาคประชาชนที่จะมายับยั้งความเสียหาย และปัญหาที่เป็นฟางเส้นสุดท้าย คือไทยกัมพูชามาจากความสัมพันธ์ส่วนตัว 30 ปี ลามมาเป็นสงครามและไม่มีวันที่จะจบลงได้ ทางการไทยไม่กล้ายึดทรัพย์ผู้นำที่อยู่ในประเทศไทย เพราะเกรงว่าฝั่งนั้นจะยึดกลับ

 

กองทัพและประชาชนอยู่ในสภาพที่อึดอัด เพียงแต่วันนี้ไม่มีใครเลือกเส้นทางให้เกิดการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นจึงพูดดักเอาไว้ก่อน ว่าพรุ่งนี้พรรคประชาชนอย่าเล่นบทหล่อไม่เลือกใคร เพราะไม่เลือกใครคือเลือกพรรคเพื่อไทย ให้รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

 

เมื่อถามว่าวันที่ 3-5 ก.ย.2568นี้ ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะนำมวลชนไปสังเกตหน้ารัฐสภาหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ยังไม่มีแนวความคิดเราพูดตรงไหนก็ได้ มองว่าเรื่องนี้อาจจะจบตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2568 เลยก็ได้ เพราะวันที่ 9 ก.ย.2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทุกอย่างต้องจบสัปดาห์นี้ หากนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าในวันที่ 9 ก.ย.2568 จะไม่เห็นตัวนายทักษิณ

 

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เตรียมชุมนุมใหญ่ หากได้นายกฯเพื่อไทย

 

นายจตุพร ย้ำว่าจุดยืนของคณะรวมพลังแผ่นดินไม่เอาการรัฐประหารเด็ดขาด ให้แก้ไขทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญประเทศนี้จะไม่มีทางตัน ยกเว้นแต่ละฝ่ายจะเหลือเกินเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว สำหรับการมาของนายกรัฐมนตรีขณะนี้มาได้แค่ 2 ทางเท่านั้น คือไม่มาจากรัฐสภาก็มาจากการรัฐประหาร เมื่อเราไม่เอารัฐประหารก็มาจากสภาไม่มีทางอื่น

 

เมื่อถามว่าถ้าไม่ใช่นายชัยเกษม มีคนที่เหมาะสมหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เราไม่ใช่ผู้เลือกเป็นหน้าที่ของรัฐสภา แต่คนอื่นที่ไม่ใช่แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยและไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในกัมพูชาปัญหาจะยุติ เชื่อว่าคนมาใหม่จะกล้ายกเลิก MOU 43 และ 44 และสนับสนุนกองทัพ

 

ขณะนี้คนที่อยากเป็นรัฐบาลถ้าอยากอยู่นานกว่า 4 เดือนก็ถือว่าโง่บัดซบแล้ว เพราะในทางเศรษฐกิจก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้อยู่แล้วเพียงแต่ไประงับ ยับยั้งไม่ให้สร้างความชั่วเพิ่มเติม และระงับความชั่วที่ปรากฏอยู่ เท่านั้นก็จบแล้วยกเว้นโง่รากจนประชาชนต้องขับไล่ หาเรื่องฆ่าตัวตาย 4 เดือนถือว่าโชคดีมากที่สุดแล้ว

 

สำหรับการยุบสภานั้นนายจตุพร ระบุว่า  อย่างที่ทราบกันว่ามีความเห็นของนักวิชาการทางกฎหมาย 2 ฝั่ง มองว่ารัฐบาลรักษาการในขณะนี้ยุบได้หรือยุบไม่ได้ เพียงแต่ว่าในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่เคยมี ตนจึงมองว่า ถ้าทำได้ก็ทำไป แต่อาจจะต้องเผชิญกับเรื่องร้องเรียนที่ตามเข้ามา รวมทั้ง กกต. ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน