
31 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 12.00 น. การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ภายใต้ชื่อกิจกรรม ‘สำแดงพลังต่อต้านระบอบทักษิณ’ เริ่มขึ้น โดยมีมวลชนทยอยกันมาเข้าร่วมกิจกรรมบริเวณหน้าเวทีปราศรัย ที่หันหน้าไปทางถนนพหลโยธิน และเริ่มมีแกนนำขึ้นปราศรัย สลับกับการแสดงดนตรี
การชุมนุมในวันนี้ แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่า เป็นการนัดแสดงพลังและส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า ประชาชนไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศ
พร้อมย้ำถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม 6 ข้อ คือ 1.นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทย 2.หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้อง หมวด 1 และหมวด 2
3.ต้องยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ที่ลงนามกับกัมพูชา 4.ยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี 5.ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ / และ 6.ต้องยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน
นายพิชิต ไชยมงคล หนึ่งในแกนนำ ระบุว่า ข้อเรียกร้องของเรา แค่ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาล อยากให้ผ่านกลไกของรัฐสภา ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แค่ขอให้ผ่านกลไกของสภา และขอฝากไปถึงรัฐบาลที่ไม่มีพรรคเพื่อไทยถึงเรื่องMOU 43 และ MOU44 ขอให้ยกเลิก และขอให้ยกเลิกเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อยากให้นำมาพิจารณาอีกครั้ง
นี่เป็นเงื่อนไขที่สื่อสารไปยังพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ว่าเป็นพรรคไหน ควรรับเงื่อนไข เพราะยังไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำ เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา เกิดจากความสัมพันธ์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทับซ้อนที่พรรคเพื่อไทยและถูกครอบงำโดยนายทักษิณ ชินวัตร
ซึ่งจะเห็นว่าทักษิณ ยังเคลื่อนไหวอยู่แม้ไม่ทีตำแหน่งทางการเมือง อย่างที่ไป คุยกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้านั้นไปเพื่ออะไร อยากสื่อสารไปถึง กกต. ปล่อยให้บุคคลมีอิทธิพลภายนอก มาจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร
โดยไฮไลท์ของกิจกรรมการชุมนุมวันนี้ จะเริ่มขึ้น 18.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการกำหนดท่าทีกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะสิ่งที่เราจับตามองนอกเหนือจากการจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 3-5 กันยายน 2568 นี้ ยังมีคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งยังเป็นประเด็นที่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินให้การติดตาม แน่นอนว่านายทักษิณพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อนวันที่ 9 กันยายน 2568 เพราะหลังวันนั้นพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นายพิชิต ยังบอกอีกว่า ทางกลุ่มฯ ไม่ได้เชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ใครจะมาเป็นรัฐบาล จะต้องยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวด้วย นอกจากจะยอมรับเงื่อนไขพรรคต่อพรรคแล้ว แต่หากไม่ยอมรับเงื่อนไขของประชาชน ก็เป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง และถ้ารอบนี้พรรคเพื่อไทยยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่ การชุมนุมอาจจะใหญ่ขึ้นและจะออกมาชุมนุมอีกครั้ง
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยเดินทางไปที่พรรคประชาชนเพื่อขอความร่วมมือในการโหวตให้ นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมบอกว่า จะยอมทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชน และเสนอเงื่อนไขเรื่อง "ฮั้ว สว." และที่ดินเขากระโดงนั้น นายพิชิต ระบุว่า เป็นเงื่อนไขแรกที่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินคัดค้านมาโดยตลอด ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล วิกฤตของประเทศเกิดจากพรรคเพื่อไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอทิศทางร่วมมือกันฮั้วประเทศแบบนี้ ตนคิดว่าวิกฤตของประเทศจะรออยู่ข้างหน้า ดังนั้นสิ่งที่เป็นเงื่อนไข ที่เสนอต่อสังคม 6 ข้อ พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ ไม่งั้นประเทศไทยไม่พ้นวิกฤต หากไม่มองไปข้างหน้า เพราะแต่ละพรรค เองก็มีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคเพื่อไทยเอง เพราะประชาชนต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปแบบไม่มีวิกฤต และพรรคการเมืองควรที่จะสนใจข้อเรียกร้องของประชาชนในวันนี้
เมื่อถามว่า หากเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายพิชิต บอกเลยว่า ท่านเป็นองคมนตรีแล้ว และยังไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ ทั้งนี้ไม่ว่าใครจะมาหรือ นายอนุทิน จะมา ก็จะต้องยอมรับเงื่อนไขของคณะรวมพลังแผ่นดิน
ผบก.น.1 ปรับแผนดูแลการชุมนุม ทำเซอร์วิสเลนเต็มรูปแบบ หวั่นกระทบการจราจร
ด้าน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1(ผบก.น.1) เปิดเผยภายหลังการนำกำลังสุนัขตำรวจ และหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด(อีโอดี) เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ชุมนุมเพื่อดูแลความปลอดภัยว่า แนวทางการปฏิบัติงานของตำรวจวันนี้ จะมีทั้งการดูแลความสงบเรียบร้อยของผู้ชุมนุมและประชาชนโดยรอบ ดูแลการจัดการจราจร โดยการทำเซอร์วิสเลน ไม่ให้การจราจรเกิดการล็อกบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมถึงได้ประสานศูนย์ส่งกลับและสำนักแพทย์ กทม.เพื่อมาดูแลผู้ชุมนุมในการปฐมพยาบาลและผู้เจ็บป่วย
ทั้งนี้แกนนำการชุมนุมได้มาแจ้งจัดการชุมนุมแล้ว โดยยืนยันว่าจะชุมนุมตามกรอบของกฎหมายและเลือกตามกำหนดเวลา ซึ่งวันนี้ตำรวจได้นำสนัขK9 และอีโอดีเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยให้ผู้ชุมนุมเพื่อดูแลความปลอดภัย และขอประชาสัมพันธ์เรื่องการจราจร ขณะนี้ยังอยู่ในระดับปกติ แต่หากการชุมนุมหนาแน่นตำรวจก็ได้จัดทำเซอร์วิสเลนในการดูแลการจราจรแล้ว ซึ่งทางผู้ชุมนุมยืนยันว่า จะไม่ปิดการจราจรแบบ100% ดังนั้นประชาชนจะสามารถสัญจรเคลื่อนตัวได้รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ช่วงเย็นอาจจะมีการชะลอตัวบ้าง นอกจากนี้ตำรวจมีการตั้งด่านป้องกันเหตุและเฝ้าระวังด้วย ทำให้ภาพรวมการดูแลการชุมนุมวันนี้ได้ประสานการปฏิบัติทุกภาคส่วน
โดยการดูแลความสงบเรียบร้อยในครั้งนี้ พล.ต.ต.อัฐธพร บอกว่า ได้มีการปรับแผนการชุมนุมจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะแผนการดูแลการจราจร เพราะการชุมนุมครั้งแรกกับครั้งที่สอง พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเกิดการล็อกตัวเข้าไม่ได้และกระทบการจราจรเป็นวงกว้าง ทำให้วันนี้ต้องปรับแผนจากการชุมนุม โดยการระดมกำลังจากตำรวจจาก บก.จร.มา 80 นาย เพื่อดูแลการจราจรเพื่อให้สะดวกปลอดภัยกับการสัญจร
สำหรับการประเมินการชุมนุมวันนี้ ทางตำรวจได้ประเมินมวลชนที่จะมาชุมนุมวันนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ มวลชนหลักและมวลชนกระแส โดยจะต้องมีการประเมินในช่วงบ่ายอีกครั้ง ซึ่งทางตำรวจจะมีศูนย์โดรน บช.น. ในการบินตรวจการจราจรและนับจำนวนผู้ชุมนุม รวมถึงมีกำลังตำรวจของศูนย์สืบ บช.น. 153 นาย แบ่งพื้นที่การดูแล 8 โซนเพื่อเฝ้าระวังทั้งมิจฉาชีพและสิ่งอันตรายที่จะเข้ามาสู่ที่ชุมนุมด้วย เพราะเมื่อช่วงเช้าสามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับและบุคคลต้องสงสัยได้ จึงขอเตือนมิจฉาชีพให้หยุดการกระทำดังกล่าว