
30 สิงหาคม 2568 ภายหลังมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 ทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และ ครม.หลุดจากตำแหน่งทั้งหมด ส่งผลพรรคร่วมรัฐบาลเกิดอาการระส่ำทันที ล้มทั้งกระดาน สู่การเปิดหมากเกมสูตรใหม่ ในไม่กี่วันข้างหน้าให้สภาผู้เเทนฯ ลงมติเลือก สร.1 คนที่ 32
ท่าทีพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทย ยังคงประกาศสู้ต่อ และยังมีอีกหนึ่งเเคนดิเดตเบอร์สาม คือ นายชัยเกษม นิติสิริ จะได้สมหวังหรือไม่ เเละคะเเนนสนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาลจะมีเท่าใด เกลี่ยกระทรวงกันใหม่หรือไม่ อายุขัยของ ครม.ใหม่ จะยืนยาวเท่าใด เป็นคำถามที่เพื่อไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงสูง
ขณะเดียวกัน เป็นโอกาสให้พรรคการเมืองฝ่ายค้าน เปิดเกมความเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น เห็นได้จากหลังศาล รธน.มีมติให้นายกฯ แพทองธาร พ้นตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เดินสายเจรจาพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างๆ และยังเดินสายเจรจาทั้งบนดินและใต้ดิน กับพรรคการเมืองพันธมิตร ที่เคยร่วมกันเป็นรัฐบาลมาก่อนอีกด้วย
ภาพที่ปรากฎเมื่อค่ำคืน กรณี นายอนุทิน หารือ “หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมกับมีแถลงการณ์พรรคภูมิใจไทยออกมาภายหลังการหารือ ในทำนองรับเงื่อนไขของพรรคประชาชน เพื่อขอเสียงสนับสนุนโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกฯ ดูจะไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองแรก ที่ นายอนุทิน เปิดเกมเจรจาบนดินอย่างเปิดเผย
หากแต่ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน เข้าพบ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับมีกระแสข่าวหลุดออกมาว่า นายอนุทินขอเสียงจาก พปชร.สนับสนุนให้เป็นนายกฯ โดยมีเงื่อนไขเป็นนายกฯ เพียง 6 เดือน ก่อนยุบสภา และยังตามมาด้วย การเดินสายกระชับสัมพันธ์กับพรรคกล้าธรรม ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค รวมไปถึง ก๊วน รทสช. ที่มี “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น ยก 18 ขุนพล มาเข้าพบ ปรากฎการณ์เหล่านี้ บ่งบอกถึงความพยายามรวบรวมเสียงให้มากที่สุด และให้มากกว่าพรรคเพื่อไทย ในการ ผลักดัน ให้ นายอนุทิน ขึ่นเป็นนายกฯ คนที่ 32
ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย เบื้องต้นมีรายงานว่า
สามารถรวมเสียงได้ทะลุ 280 เสียงแล้ว ประกอบด้วยภูมิใจไทย 69 เสียง ประชาชน 143 เสียง กล้าธรรม 25 เสียง พลังประชารัฐ 20 เสียง ประชาธิปัตย์ 4 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติกลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น 16 คน พรรคเล็ก 4 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 2 เสียง เป็นธรรม 1 เสียง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า มี สส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 15 คน ที่จะมาสนับสนุนยกมือโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีปัญหาไม่เชื่อมั่นเสถียรภาพของรัฐบาลที่คะแนนนิยมตกต่ำ และประสบปัญหาเรื่องการดูแล สส.ไม่ทั่วถึง