
30 สิงหาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงผลการหารือกับพรรคประชาชน พรรคกล้าธรรม และพรรคการเมืองอื่น ที่มาพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลว่า พวกเราสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มารวมกัน เพื่อแสดงความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อแก้ปัญหาและให้ประเทศไทยเดินต่อไป วันนี้หลังจากที่ได้รับทราบเงื่อนไขของพรรคประชาชน ก็ได้แจ้งให้กับประชาชนทราบว่า พวกเรารับทราบข้อเสนอของพรรคประชาชนแล้ว และจะดำเนินการตามที่ได้หารือกันไว้ โดยสาระสำคัญและรายละเอียดที่เป็นประเด็น ก็ได้เห็นพ้องกัน โดยหลังจากทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็มีการรวมตัวกัน โดยเห็นว่าจะปล่อยให้ประเทศมีปัญหาไม่ได้ เพราะบางอย่างเหมือนเส้นผมบังภูเขา
ถ้าเป็นกลุ่มเดิมอาจแก้ไขไม่ได้ แต่พวกเรามั่นใจว่า เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศ โดยเงื่อนไขต่างๆ ที่มีคือ การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเราจะคืนอำนาจให้กับประชาชนภายในเวลา 4 เดือน หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายรับตำแหน่ง ด้วยการยุบสภาเพื่อที่ประชาชนจะได้รีเซ็ตประเทศอีกครั้ง และได้ใช้อำนาจของประชาชนในการตัดสินใจอนาคต สิงของบ้านเมืองถึงผู้ที่จะมาบริหารประเทศต่อไป
การอยากจะมาอยู่ตรงนี้ ต้องแลกด้วยการสูญเสียบางอย่างของพรรคพวกพี่น้องของเราทั้งสิ้น แต่เราจะปล่อยให้ประเทศอยู่โดยที่มีความเคลือบแคลงสงสัย หรือความขัดแย้งของประเทศเพื่อนบ้านเช่นนี้ไม่ได้ สรุปก็คือทุกคนที่อยู่ในที่นี้ เราขอเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในทุกด้าน และคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนตอบรับอย่างเป็นทางการ ที่จะโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ได้กี่เสียงแล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า จากการพูดคุยในหลักการ กลับพรรคประชาชนแล้ว ในที TOR ที่พรรคประชาชนนำเสนอมา ก็สามารถตอบรับ TOR เช่นนั้นได้ ซึ่งการรวบรวมเสียงคือหน้าที่ของพวกเราทุกคน และในหลักการพรรคประชาชน ก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้ง หรือไม่เห็นด้วย ส่วนรายละเอียดปีกย่อย พรรคประชาชนต้องการให้มีการตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรกำกับเอาไว้ ก็เป็นแนวทางการดำเนินงานของพรรคประชาชน ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ
ส่วนเงื่อนไขของพรรคประชาชน ดูเหมือนจะให้ยุบสภาเร็วเกินไป เรารับได้ หรืออาจจะมีการยืดหยุ่นบ้างหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ต้องรับเงื่อนไขนั้น มันไม่มีคำว่าเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป เพราะเรารู้ว่าเงื่อนไขเวลามีเท่านี้ ก็ต้องไปจัดลำดับความสำคัญของปัญหาบ้านเมือง ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยทันที ซึ่งก็คิดว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รวมถึงพรรคกล้าธรรมที่ตนไปพบหัวหน้าพรรคมา เรามีความสามารถ มีความตั้งใจจริงใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหา ลดความกังวลทั้งหลายให้กับประชาชน
เมื่อถามว่า ตอนนี้เท่าที่รวบรวมเสียงไว้ มีประมาณเท่าไหร่ นายอนุทิน ขอไม่พูดถึงจำนวนตัวเลข มันทำให้เกิดประเด็นว่าจะต้องมีเท่าไหร่ เราถือว่าเรามาทำงานให้บ้านเมือง ก็ถือว่ามีเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะเร่งจัดตั้งรัฐบาล เพื่อบริหารราชการแผ่นดินได้ให้เร็วที่สุด ในส่วนของพรรคกล้าธรรม ก็ได้พูดคุยกัน และหัวหน้าพรรคกล้าธรรมก็ได้แถลงกับสื่อไปแล้ว
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ เราก็ยังมีความสัมพันธ์ดีใช่หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า เราก็ไม่ได้ปิดกั้น เพราะเราเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่มีวัตถุประสงค์แน่นอน ต้องทำเรื่องที่แก้ไขปัญหาที่มันมีอุบัติเหตุให้ผ่านไปได้โดยเร็ว ถ้ามีพรรคใด กลุ่มใด ที่เห็นว่ามีความสามารถที่จะสร้างชาติ และให้ประเทศเดินหน้าต่อได้ พวกเราทุกคนก็ไม่มีปัญหา พร้อมย้ำว่าปัจจุบันนี้มีเสียงเพียงพอที่จะนำเสนอให้กับพรรึประชาชน และมีความวางใจว่าการร่วมมือกันระหว่างพรรคประชาชน และกลุ่มของพวกเรา จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองเต็มที่
เมื่อถามว่ากลุ่ม 18 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เหตุผลว่ามาร่วมเพราะอะไร นายอนุทิน จึงขยับไมโครโฟนหันไปทาง นายสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งเจ้าตัวตอบคำถาม ว่า พวกเรามากัน 16 คน โดยใช้เอกสิทธิ์ สส. และมีวัตถุประสงค์คือเพื่อสร้างชาติบ้านเมืองต่อไป ทุกคนมีเอกสิทธิ์ หนึ่งคนหนึ่งสิทธิ์ เราก็พูดกันทั้งหมด 16 คน เห็นตรงกันถึงได้เดินมาจุดนี้ด้วยกัน
เมื่อถามว่า ขณะนี้พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเป็นแคนดิเดตคนเดียวของพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องบอกว่าพร้อมมาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว เราจะทำงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศ
เมื่อถามว่า ล่าสุดทางเพื่อไทยบอกว่ารักษาการนายกฯ มีอำนาจที่จะยุบสภา นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขอไม่ก้าวล่วง โดยเมื่อความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็มั่นใจว่า ณ ตอนนี้ทุกคน เรามาสร้างบ้านสร้างเมืองต่อดีกว่า ก็คือกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
เมื่อถามว่า ทางเพื่อไทยก็ยังมีการดีลเรื่องการแข่งขันตั้งรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีแล้ว ทางพรรคพลังประชารัฐมีอะไรจะพูดหรือไม่ จากนั้นหัน ไมโครโฟนไปหา นายสันติ พร้อมพัฒน์ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เป็นเรื่องของบ้านเมืองที่ขณะนี้เศรษฐกิจแย่ ประชาชนกำลังลำบาก ถ้าเราไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อดูแลประเทศชาติ ดังนั้นการพัฒนาอะไรต่างๆเป็นสิ่งสำคัญ ก็เห็นว่านายอนุทินมีความเหมาะสม เราจึงจับมือไปด้วยกัน
ด้าน นายศักดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปในทางที่ดี ก็เลยมาสนับสนุน นายอนุทิน เป็นนายกฯ โดย สส.พรรคเพื่อไทย มาประมาณ 10 กว่าคน ยืนยันไม่มีปัญหากับต้นสังกัด เพราะเราเห็นความเดือดร้อนของประชาชน และมั่นใจว่านายอนุทินเหมาะสมที่สุด และเรื่องนี้ก็เป็นเอกสิทธิ์ สส.