เปลี่ยนนายกฯ "เข้าทางกัมพูชา" เล่ห์ฮุนเซนหรือตรรกะวิบัติ?

มีประเด็นน่าสนใจที่วิจารณ์กันมาก ก็คือ หาก “นายกฯแพทองธาร” จะรอดคดีคลิปเสียงฮุนเซน น่าจะมีเหตุผลหนึ่งที่มีน้ำหนักมาก คือ “ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก”

กล่าวคือ - ไม่เปลี่ยนนายกฯ หรือผู้นำ ซึ่งเปรียบเหมือน “แม่ทัพของประเทศ” ในช่วงที่กำลังมีสถานการณ์เผชิญหน้ากับอริราชศัตรู ก็คือ กัมพูชา

หรืออีกนัยหนึ่ง - การเปลี่ยนนายกฯแพทองธาร โดยศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง เท่ากับฮุนเซน ซึ่งเป็นศัตรูกับไทย ประสบความสำเร็จ เพราะการปล่อยคลิปเสียงเป็นแผนของฮุนเซน เท่ากับผู้นำตัวจริงของกัมพูชา เปลี่ยนตัวนายกฯไทยได้

ฉะนั้นศาลอาจมองจุดนี้ แล้วเปิดไฟเขียวให้นายกฯไปต่อ

แต่เหตุผลนี้ถูกโต้แย้งจาก อาจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ออกมาฟันธง 100 ต่อ 0 นายกฯไม่รอด และศาลจะลงมติด้วยเสียง 9 ต่อ 0 กันเลยทีเดียว

อาจารย์เจษฎ์ บอกว่า ศาลจะไม่มองว่าฮุนเซนต้องการอะไร หรือมีวัตถุประสงค์อะไร เพราะเป็นเรื่องของฮุนเซน เนื่องจากสิ่งที่ศาลจะนำมาวินิจฉัย คือ นายกฯแพทองธารทำอะไร / มีพฤติกรรมอย่างไร / พูดแบบที่พูดในคลิปทำไม / ทั้งการกระทำ และคำพูด เข้าข่ายขัดจริยธรรมของความเป็นผู้นำประเทศหรือไม่

ด้าน แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานด้านความมั่นคงระดับประเทศ มองว่า เรื่องความต้องการของฮุนเซน กับคดีของนายกฯแพทองธาร เป็นคนละเรื่องกัน

1.การนำความต้องการของฮุนเซนมาอ้าง ว่าเล่ห์เหลี่ยมของฮุนเซน ทำให้เปลี่ยนนายกฯไทยได้ ศาลจึงต้องตัดสินว่านายกฯไม่ผิด ทั้งๆ ที่อาจจะทำทำผิด การคิดแบบนี้ ถือว่าเป็นเหตุผลประเภท “ตรรกะวิบัติ” เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้อง และหลักการพิจารณาคดีของศาล จะต้องไม่นำสภาพแวดล้อมที่ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดี มาพิจารณาประกอบ

2.ถ้าสิ่งที่นายกฯทำ เป็นความผิด แล้วศาลตัดสินว่าผิด ย่อมเป็นเรื่่องถูกต้อง แต่ถ้านายกฯทำผิด แล้วศาลตัดสินว่าไม่ผิด แบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม

3.ถ้ามองในทางกลับกัน ฮุนเซนเปลี่ยนคำพูดใหม่ เข้าข้างนายกฯแพทองธาร ศาลจะต้องเปลี่ยนคำตัดสินตามคำพูดของฮุนเซนด้วยหรือไม่