
28 สิงหาคม 2568 จะว่าไป ชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็มี “รั้วชายแดน” อยู่แล้ว นั่นก็คือ “รั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย”
แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีความยาวของเส้นเขตแดนประมาณ 647 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ จ.สตูล 56 กิโลเมตร สงขลา 150 กิโลเมตร ยะลา 267 กิโลเมตร และนราธิวาส 174 กิโลเมตร
ชายแดนไทย-มาเลเซีย มีรั้วชายแดนที่ก่อสร้างแล้ว 2 ประเภท คือ
ประเภทที่หนึ่ง
รั้วชายแดนที่ “ก่อสร้างร่วมกัน” ระหว่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซีย อยู่ที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
มีลักษณะเป็นกำแพงคอนกรีตเสริมลวดหนาม สูง 3 เมตร ระยะทางยาว 5.3 กิโลเมตร
ประเภทที่สอง
รั้วชายแดนที่สร้างโดย “รัฐบาลมาเลเซียฝ่ายเดียว” ในพื้นที่ของมาเลเซีย มีอยู่ 9 ช่วง รวมความยาว 105 กิโลเมตรเศษ
มีลักษณะเป็นทั้งรั้วคอนกรีต, รั้วคอนกรีตเสริมลวดหนาม, รั้วลวดหนาม และรั้วตาข่าย กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้่งสตูล สงขลา และ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
รวมระยะทางทั้ง 10 ช่วง 3 ประเภท 110.992 กิโลเมตร (หนึ่งร้อยสิบกิโลเมตร เก้าร้อยเก้าสิบสองเมตร)
รั้วผสม “เขื่อน-ตาข่าย-อิเล็กทรอนิกส์” อำเภอเดียว 600 ล้าน
สำหรับงบประมาณที่ใช้ เรามีตัวอย่างโครงการล่าสุดเมื่อปี 2564 ต่อเนื่องมา คือ “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดระเบียบชายแดน กิจกรรมการเสริมสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ระยะเร่งด่วน” ตามที่ กอ.รมน.เสนอ มีทั้งการสร้างรั้ว และเขื่อนป้องกันตลิ่ง
1. ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก บริเวณเขต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 467 ล้านบาท
2. ก่อสร้างรั้วตาข่ายเหล็กชายแดน สูง 2 เมตร ระยะทาง 15 กิโลเมตร วงเงิน 114.6 ล้านบาท
3. ก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวทางชายแดน ระยะทาง 6 กิโลเมตร วงเงิน 52.7 ล้านบาท บริเวณชุมชนบ้านตาบา ต.เจ๊ะเห ต.เกาะสะท้อน ต.โฆษิต และ ต.นานาค อ.ตากใบ
4. สร้างฐานปฏิบัติการชุดเฝ้าตรวจชายแดนไทย-มาเลเซีย จำนวน 3 ฐาน ในพื้นที่บ้านตะเหลียง ต.เกาะสะท้อน บ้านศรีพงัน ต.เกาะสะท้อน และบ้านตาเซะ ต.นานาค อ.ตากใบ วงเงิน 6 ล้านบาท
5. มีงบอำนวยการและสร้างความเข้าใจ วงเงิน 2.3 ล้านบาท
งบประมาณเบื้องต้น โครงการนี้ราวๆ 642.8 ล้านบาท
คุ้มหรือไม่ ต้องถามใจคนไทยทั้งประเทศ