“หนองหญ้าแก้ว - หนองจาน” บทพิสูจน์รัฐบาลมีไว้ทำไม? 28 สิงหาคม 2568 การลงพื้นที่ของ “คณะเสนาธิการทหาร” ซึ่งอยู่ในสังกัดกองทัพไทย หรือ กองบัญชาการกองทัพไทย ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ใกล้ๆ กับบ้านหนองจาน ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เมื่อวันก่อน (26 ส.ค.2568) ทำให้เกิดคำถามดังกระหึ่มว่า รัฐบาลทำอะไรอยู่
เป็นคำถามที่ดังแทรกขึ้นมาหลังจากที่ก่อนหน้านี้สังคมตั้งคำถามไปที่ กองทัพภาคที่ 1 และ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ค่อนข้างใช้ “ไม้นวม” จัดการปัญหา และทำท่าจะ “เอาไม่อยู่”
ซึ่งรายการ “ข่าวข้นคนข่าว” ได้ข้อมูลมาจากฝั่งกองทัพ ที่ต้องการสื่อสารต่อไปยังรัฐบาล ให้เอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ เพราะเป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายการเมือง หากเจรจาไม่ได้ หรือแก้ปัญหาด้วยการเมืองไม่สำเร็จ จึงจะเป็นความชอบธรรมของฝ่ายทหารที่จะดำเนินการ “จากเบาไปหาหนัก”
แต่สถานการณ์ ณ เวลานี้ รัฐบาลค่อนข้างนิ่ง และลอยตัว มีการให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ให้กองทัพจัดการ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบายระหว่างประเทศ และมีความอ่อนไหวสูง หากข้ามขั้นตอนจะส่งผลลบกับภาพรวมของปัญหาได้
เปิดแผนที่ชัดๆ “เขมรงัดแท็กติก โอเวอร์เคลม”
ข้อมูลที่ฝั่งกองทัพต้องการทำความเข้าใจก็คือ พื้นที่ที่มีปัญหามี 2 จุดใหญ่ๆ คือ บ้านหนองจาน กับ บ้านหนองหญ้าแก้ว และแผนที่ที่ “ข่าวข้นคนข่าว” ได้รับมา นอกจากจะทำให้เห็นเส้นเขตแดนที่แต่ละฝ่ายอ้าง และเส้นเขตแดนจริงที่ควรจะเป็นกับพื้นที่ชุมชนชาวเขมรที่รุกล้ำเข้ามา แล้วแผนที่นี้ยังชี้จุดที่มีการเคลื่อนไหวนำมวลชนชาวเขมรมากดดันทหารไทยด้วย
เริ่มจากพื้นที่บ้านหนองจาน
หลักเขตแดนที่ 46 ถึง 47 ทั้งสองประเทศยอมรับหลักเขตร่วมกันแล้ว แต่ไม่ยอมรับเส้นเขตแดนที่ลากระหว่างสองหลักเขต เพราะอ้างกันคนละเส้น
จากภาพในแผนที่ เส้นสีแดง คือเส้นที่กัมพูชาลาก และยอมรับ / เส้นสีน้ำเงิน คือ เส้นที่ฝ่ายไทยลาก และยอมรับ จะเห็นว่ามีพื้นที่เหลื่อมกัน ทั้งสองเส้นห่างกันประมาณ 100 เมตร โดยเส้นสีเหลือง คือ เส้นกลางที่ควรจะเป็น และยอมรับร่วมกัน แต่ทั้งสองประเทศยังไม่ยอมรับ
พื้นที่ระหว่างสองเส้นนี้ 100 เมตร เป็นพื้นที่ที่ควรจะเป็น No Man Land แต่ก็มีการไปตั้งถิ่นฐาน สร้างบ้านเรือน แต่ก็ยังพอยอมรับได้ หากไม่ล้ำข้ามเส้น สีแดง หรือ สีน้ำเงิน ที่แต่ละฝ่ายยึดถือ
แต่จากแผนที่จะเห็น “เส้นประสีเขียว” ที่ยื่นเข้ามาในเขตไทยไกลมาก บริเวณนั้นเป็นชุมชนชาวเขมรที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาเมื่อหลายสิบปีก่อน มีครัวเรือนประมาณ 90 หลังคาเรือน
ปัญหาที่ต้องเคลียร์ชัดๆ ก็คือ ทั้งสองประเทศตกลงกันตั้งแต่ปี 2549 กำหนดเส้นที่แต่ละฝ่ายยอมรับได้ขึ้นมา กัมพูชาคือสีแดง ไทยคือสีน้ำเงิน ฉะนั้นชุมชนชาวเขมร จึงอยู่นอกเส้นที่รัฐบาลกัมพูชาเองก็ยอมรับ ฉะนั้นชุมชนชาวเขมรทั้ง 90 หลังคาเรือน จึงต้องออกจากพื้้นที่เท่านั้น เพราะอยู่เกินเส้นที่กัมพูชายอมรับด้วยซ้ำ ส่วนที่ว่าล้ำเข้ามาในเขตไทยนั้น ล้ำแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถือว่าล้ำเกินไปมาก มากกว่าที่กัมพูชาเคลมเสียด้วยซ้ำ
จากแผนที่ จะเห็นภาพชาวเขมรมาชุมนุมอยู่ลึกเข้ามาในฝั่งไทย อยู่ขอบของชุมชนที่ล้ำเข้ามาในเขตไทยไกลที่สุด นี่คือความเขี้ยว และเอาเปรียบสุดๆ ของกัมพูชา
ส่วนทางการไทย โดยฝ่ายทหาร ไม่ได้ละเลย เพราะจุดที่ไม่ใช่ชุมชน และมีการปลูกสร้างบ้านเรือน หรืออาคารของกัมพูชา ฝ่ายทหารได้ทำลายทิ้งหมดแล้ว เช่น จุดที่อยู่ในกรอบสีน้ำเงิน มีภาพ Before กับ After
"หนองหญ้าแก้ว" ซ้ำรอย แถมตั้งชุมชนประชิดเส้นเขตไทย
พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว
เป็นปัญหาเดียวกับบ้านหนองจาน แต่เป็นหลักเขตที่ 42 ถึง 43 ทั้งสองประเทศยอมรับหลักเขต แต่อ้างเส้นเขตแดนคนละเส้น
เส้นสีแดง คือเส้นที่กัมพูชายอมรับ และขอใช้ ส่วนเส้นสีน้ำเงิน เป็นเส้นที่ไทยยอมรับ ทั้งสองเส้นห่างกันประมาณ 80 เมตร เป็นช่องว่างตรงกลางที่ไม่ควรมีการตั้งถิ่นฐานของฝ่ายใด
จะเห็นได้ว่า พื้นที่ใน “เส้นประสีฟ้า” มีชาวเขมรตั้งบ้านเรือนล้ำเข้ามา 18 หลังคาเรือน
จุดที่ล้ำเข้ามาเลยเส้นที่ทางการกัมพูชายอมรับ ฉะนั้นจึงผิดข้อตกลงเต็มๆ
และหากพิจารณาลึกเข้าไปในเขตกัมพูชา จะเห็นว่ามีการพยายามสร้างชุมชนประชิดเข้ามาตรงเส้นเขตแดนที่ไทยอ้าง คือ สีน้ำเงิน
ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่พยายามเข้ามาสร้างเอาไว้ นอกเหนือพื้นที่ชุมชน ฝ่ายทหารได้ทำลายหมดแล้ว ตรงจุดที่ระบุตามแผนที่
กองทัพสะกิดรัฐบาล เขมรไม่ขยับเจออัยการศึก
ข้อเสนอของกองทัพคือ
เรื่องนี้เป็นปัญหาการเมือง รัฐบาลต้องจัดการ ปล่อยไว้ไม่ได้ โดยใช้เวที "จีบีซี" ที่ รมว.กลาโหม เป็นประธาน (ฝ่ายการเมือง) และ JBC ที่ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน
ฝ่ายการเมืองต้องแจ้งกัมพูชาให้รับทราบ และกดดันให้ย้ายชุมชนออกไปในเวลาที่กำหนด หากไม่ย้ายออก ต้องแจ้งเป็น “โนติส” ไว้เลยว่า รัฐบาลจะมีมาตรการจัดการ
มาตรการที่จะจัดการชุมชนเหล่านี้ ทำได้หลายอย่าง อาจใช้มาตรการทางปกครอง แจ้งความดำเนินคดี จับกุม เหมือนกรณีที่กัมพูชาเคยจับกุม คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เรียกว่า “วีระโมเดล” โดยฝ่ายไทยก็จะทำบ้าง
หากไม่ใช้มาตรการทางปกครอง ก็จะใช้มาตรการทางทหาร เริ่มจากประกาศกฎอัยการศึก และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ทั้งจับกุม ฉีดน้ำแรงดันสูง และอื่นๆ เพราะถือว่าอยู่ในเขตไทย และได้แจ้งเตือนแล้ว
ข้อเสนอของ คุณปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ให้จ่ายเงินชดเชยแก่ชาวเขมรเพื่อจูงใจให้ย้ายออก ฝ่ายทหารไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงจะเป็นการส่งสัญญาณผิด ล้ำแดน ละเมิดอธิปไตย ยังได้เงินชดเชย