สภาฯ เดือด! ก่อนพิจารณาร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (27 ส.ค.) มีวาระสำคัญในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือชุดร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ภายหลังการพิจารณาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาองค์ประชุมไม่ครบ ทำให้ต้องปิดการประชุมไป 

ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมที่ประชุมฯ ได้ให้ สส.หารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนก่อน คนละ 3 นาที ซึ่งระหว่างที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือต่อประที่ชุมฯ เป็นคนสุดท้ายถึงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประชาชนหวาดระแวงต่อสถานการณ์ ซึ่งได้ใช้เวลาหารือเกินเวลา จนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม ที่ไม่มีความเป็นกลาง เนื่องจาก สส.คนอื่น ใช้เวลาหารือ คนละ 2 นาที แต่นายครูมานิตย์ กลับใช้เวลาไปกว่า 5 นาที และอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก รวมถึงเมื่อพิจารณาองค์ประชุมในขณะนี้แล้ว ก็ยังไม่ครบองค์ประชุม และยังมี สส.พรรคร่วมรัฐบาลไปโพสต์ข้อความ สส.พรรคฝ่ายค้านไม่ลงชื่อ โดยยืนยันว่า สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน อยู่ในห้องประชุมแล้ว แต่ไม่ลงชื่อเข้าร่วมการประชุม เพราะถ้า สส.ฝ่ายค้านร่วมลงชื่อเข้าร่วมการประชุมแล้ว จะไม่มีทางทราบว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาลรับผิดชอบต่อหน้าที่หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมขี้เกียจ สันหลังยาวหรือไม่ จึงขอให้ สส.พรรคร่วมรัฐบาล ได้รีบโทรศัพท์ติดต่อกันมาเข้าร่วมการประชุม ไม่ว่าขณะนี้ จะอยู่ทางหลวงสายเอเชีย หรือสายใต้

วิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

ทำให้นายวิชัย สุดสวาท สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ประท้วงการอภิปรายของนายวิโรจน์ ที่กล่าวหา สส.พรรคร่วมรัฐบาลสันหลังยาว และขอให้นายวิโรจน์ ได้เข้าใจการเดินทางในช่วงฤดูฝนที่บางพื้นที่ฝนตกหนัก และการจราจรติดขัด จึงอย่ามาทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองมากเกินไป เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น 

วัชรพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (วิปรัฐบาล)

ขณะที่ นายวัชรพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ได้ชี้แจงองค์ประชุมจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ชุดกฎหมายเหล่านี้ มีความสำคัญ และรัฐบาลตั้งใจทำ ซึ่งในกรุงเทพฯ มี สส.พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว แต่ที่เหลือเป็น สส.ฝ่ายค้านทั้งหมด ดังนั้น หากฝ่ายค้านไม่เป็นองค์ประชุม คงต้องไปตอบคำถามต่อสังคมกันเอง ทำให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องรีบตัดบท และเปิดการประชุม เพื่อเข้าสู่วาระการพิจารณาร่างกฎหมาย 

ก่อนที่นายณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ได้ประท้วงการพาดพิงของนายวัชรพล โดยเห็นว่า การประชุมในวันนี้ (27 ส.ค.) ไม่ราบรื่นแน่นอน ซึ่งหากรัฐบาลเห็นว่า เป็นนโยบายเร่งด่วน เป็นนโยบายเรือธง และมีความรับผิดชอบจริง ร่างกฎหมายคงผ่านไปไกลแล้ว และกลับกล่าวหาฝ่ายค้าน โดยวันนี้จะพิสูจน์ว่า ที่รัฐบาลยืนยันจะตั้งใจดันนโยบายเรือธง จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งฝ่ายค้านก็มีวิธีการตรวจสอบตามกลไก ซึ่งเมื่อวาน (26 ส.ค.) ได้มีการขอโทษแล้ว และวันนี้ (27 ส.ค.) จะสำนึกผิดหรือไม่ แต่กลับมาเริ่มต้นการประชุมด้วยการโยนความผิดให้กับ สส.ก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะขอให้หยุดการอภิปราย เพื่อเข้าสู่วาระการประชุม

ทำให้นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ประท้วงนายวันมูหะมัดนอร์ วางตัวไม่เป็นกลาง เพราะนายณัฐชา ยังอภิปรายไม่เสร็จสิ้น แต่นายวันมูหะมัดนอร์กลับรีบตัดบท พร้อมเรียกร้องให้นายวัชรพล ถอนคำพูดที่ระบุ “สส.กทม.พรรคประชาชน” จากการประชุมฯ ในครั้งก่อน ซึ่งการประชุมสภาฯ ครั้งก่อน ฝ่ายค้านก็อยู่ครบ แต่ที่มีการปิดองค์ประชุมล่ม ก็เป็นความผิดของประธานการประชุม ที่รีบปิดไปก่อน ดังนั้น นายวัชรพล จะต้องถอนคำพูด มิเช่นนั้น สส.กรุงเทพฯ จะเสียหาย ซึ่งนายวัชรพล ได้ยอมถอนคำพูด “สส.กทม.ที่ไม่เป็นองค์ประชุม” แต่ก็ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ระบุอะไรหลังจากนั้น

ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (วิปฝ่ายค้าน)

ด้าน นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะตัวแทนวิปฝ่ายค้าน ได้หารือต่อที่ประชุมว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ฝ่ายค้าน ไม่ยอมรับการทำหน้าที่ของนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่ได้สั่งปิดการประชุมสภาฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ และไม่สามารถยอมรับต่อการสั่งปิดการประชุม ก่อนที่ สส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล จะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาต่อการพิจารณาแนวทาง MOU43-44 จึงขอคำมั่นจากรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 คนว่า หากจะให้ สส.ฝ่ายค้าน ช่วยพิจารณาเดินหน้ากฎหมายฉบับนี้ และกฎหมายอื่น ๆ อย่างเต็มศักยภาพ ก็ไม่ควรมีการปิดประชุมก่อนเวลาที่นัดหมาย แต่หากจะปิดประชุมก่อน ก็ควรจะหารือร่วมกันทุกฝ่าย และเหตุผลความเหนื่อยล้าจากการพิจารณานั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น และจำเป็นจะต้องขอคำยืนยันในการทำหน้าที่การประชุมวันนี้ (27 ส.ค.) และวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.) จะไม่มีเหตุการณ์ปิดประชุมแบบดื้อ ๆ จะไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมกล่าวไปถึงลูกหาบ อย่าโทษฝ่ายค้าน และหากวันนี้ (27 ส.ค.) พาดพิงฝ่ายค้าน การพิจารณากฎหมายวันนี้ (27 ส.ค.) ไม่ราบรื่นแน่นอนในกฎหมายที่ตนให้ความสำคัญไม่ต่างจากรัฐบาล และพรรคประชาชน โชคร้ายนิดเดียวที่เอาชนะกรุงเทพฯ เกือบทั้งหมด ถ้าได้ทั้งหมด เหตุการณ์ลักษณะนี้ จะไม่เกิดขึ้น