5 ฉากทัศน์การเมืองไทยหลังคดีคลิปเสียง “นายกฯแพทองธาร”
ฉากทัศน์ไม่สนุก.. หลังยุค “แพทองธาร”
29 สิงหาคม 2568 ไม่ว่าคดีคลิปเสียงฮุนเซนของ นายกฯแพทองธาร จะทำให้นายกฯรอด หรือ ร่วง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง ที่จะทำให้การเมืองไทยไม่เหมือนเดิมทุกกรณี
รายการ “ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย คนที่เชื่อมถึง “ทีมยุทธศาสตร์นายใหญ่” คนทำงานใกล้ชิดนายกฯแพทองธาร ตลอดจนกูรูการเมืองสาขาต่างๆ ทั้งนักวิเคราะห์ นักวิชาการ สรุปได้ว่า ทิศทางการเมืองหลังวันที่ 29 สิงหาคม 2568 มีความเป็นไปได้ 5 รูปแบบ หรือ 5 ฉากทัศน์ด้วยกัน กล่าวคือ
หนึ่ง : นายกฯแพทองธาร รอดคดี แต่จะบริหารต่อไปอย่างไร
- แน่นอนว่าฉากทัศน์นี้ดีที่สุดสำหรับนายใหญ่ และพรรคเพื่อไทย
- แต่ความท้าทายคือ นายกฯแพทองธารจะเอาอยู่หรือไม่ หรือจะไปทำอะไรพลาดซ้ำอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขมร เศรษฐกิจ และงานความมั่นคงอื่นๆ เช่น ภาคใต้
- เหตุนี้ทำให้มีข่าวกระเซ็นกระสายมาว่า นายกฯแพทองธาร อาจจะโลว์โปรไฟล์ หรือตัดสินใจลาออกหลังรู้ผลคำวินิจฉัยว่า ตนรอดคดี
- คนใกล้ชิดนายกฯอิ๊งค์ เล่าว่า ตัวนายกฯไม่อยากไปต่อ แต่ไม่อยากออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลไร้จริยธรรม
- แต่หากรอดคดีได้จริง ทั้งคุณพ่อ และแกนนำพรรคย่อมให้นายกฯทำงานการเมืองต่อไป
- กระแสสังคมขณะนี้ไม่ตอบรับนายกฯแพทองธารเลย คะแนนนิยมและความไว้วางใจตกต่ำถึงขีดสุด หนำซ้ำผลงานที่เป็นรูปธรรมก็ยังไม่มี
- สุดท้ายนายกฯอาจใช้วิธีโลว์โปรไฟล์ หลบกระแส เปิดทาง "บิ๊กอ้วน" บริหารแทนในนามของตน
**ไลฟ์สไตล์นายกฯ แม้ในวันที่เครียดที่สุด ทั้งสถานการณ์คดีของตัวเอง และสถานการณ์บ้านเมือง แต่ท่านก็ยังมีภาพไปดื่มกาแฟที่้ร้านดังในสยามพารากอน
สอง : นายกฯแพทองธารไม่รอด แต่เพื่อไทยยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นฉากทัศน์ที่ดีที่สุดของเพื่อไทย กรณี นายกฯอิ๊งค์ ไม่ได้ไปต่อ
- ล็อกพรรคร่วมฯ ดัน “ชัยเกษม นิติสิริ” สำเร็จ
- ประคองรัฐบาล ฟื้นความนิยม หาจังหวัดยุบสภา
- ความท้าทายคือ พรรคเพื่อไทยไม่ได้รับการยอมรับทุกเรื่อง คะแนนนิยมตกหนัก ฟุบยาว ฟื้นยาก
- ความท้าทายของพรรคร่วมฯ คือ เสี่ยงกอดคอกันตายทางการเมือง
- กลายเป็นแรงกดดันทำให้ฉากทัศน์นี้ อาจไม่ง่ายเหมือนตอนเปลี่ยนตัวจากอดีตนายกฯเศรษฐา เป็นนายกฯแพทองธาร
สาม : พรรคร่วมฯเดิม แต่เปลี่ยนหัว
- ล็อกพรรคร่วมฯ เดิม แต่มีการต่อรอง ต้องเปลี่ยนนายกฯจากแคนดิเดตพรรคอื่น (ที่ยังเหลือ) เช่น คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากรวมไทยสร้างชาติ , คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากประชาธิปัตย์ , “ลุงป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพลังประชารัฐ แต่ต้องยื่นตีความว่าจำนวน สส.ขณะเสนอชื่อ ไม่ถึงร้อยละ 5 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ (เกณฑ์ร้อยละ 5 นับวันเข้าสภา หรือวันเสนอชื่อโหวตนายกฯ)
- แนวทางนี้จะช่วยลดแรงกดดันกระแสต้านเพื่อไทย เปิดช่องหายใจบรรเทาปัญหากัมพูชา
- เพราะหากไม่มีการเปลี่ยนพรรคแกนนำ ก็จะไม่มีจุดเปลี่ยนปัญหากัมพูชา และไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนได้
สี่ : พรรคร่วมฯแพแตก หันไปหนุน "อนุทิน" เป็นนายกฯ
- พรรคประชาชนโหวตหนุน
- ทำข้อตกลงทางการเมือง ยุบสภาภายใน 3-6 เดือน
- อาจมีเงื่อนไขปักหมุดแก้รัฐธรรมนูญ
- พรรคภูมิใจไทยมีแนวโน้มเลือกแนวทางนี้ เพื่อหยุดปัญหาเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. (มีการคิดกันเล่นๆ ว่า แม้จะมีสถานะเป็น “รัฐบาลเฉพาะกาล” รอยุบสภา แต่ถ้าได้คุมมหาดไทย ยุติธรรม อาจจะคุ้มแล้ว)
- ชิงสถานะรัฐบาลรักษาการเพื่อกุมความได้เปรียบการเลือกตั้ง
- ภูมิใจไทยอาจพลิ้วอยู่ยาว หาก 44 สส.ก้าวไกลถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้น้ำหนักทางการเมืองของพรรคประชาชนลดลง เพราะ สส.จะหายไป 25 คน และส่วนใหญ่เป็น “ตัวตึง”
ห้า : มือที่มองไม่เห็นวางเกมเลือกนายกฯไม่ได้
- กระบวนการเลือกนายกฯใหม่ อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะหากพรรคร่วมฯ ออกลีลา ไม่ไปต่อกับเพื่อไทย หรือตั้งเงื่อนไขสูงลิบ
- หากเพื่อไทยเสนอชื่อ คุณชัยเกษม นิติสิริ แล้วไม่ผ่าน เกมเลือกนายกฯอาจจะถูกดึงยาว
- มีดาบเล่มใหญ่รออยู่ คือ 144 ล้มกระดาน
- ตั้งรัฐบาล "ปลัดประเทศ" เปลี่ยนผ่านการเมืองครั้งใหญ่
- ดึงสถานการณ์ยาวให้ผ่านวิกฤตกัมพูชา เศรษฐกิจ การเมือง
- รอเวลาให้พรรคการเมืองใหม่ ทางเลือกที่สาม มีความพร้อมทางการเมือง
- เลือกตั้งใหม่