
26 สิงหาคม 2568 นับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ที่มี อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค พรรคการเมืองนี้ถูกยุบมาแล้ว 2 ครั้ง จึงเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 2 ครั้งเช่นกัน
คือ พรรคไทยรักไทย => พรรคพลังประชาชน => พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ไม่นับ "พรรคไทยรักษาชาติ" ที่ถูกยุบไปก่อนเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งเป็น “พรรคแตกแบงก์พัน” ของพรรคเพื่อไทย
พรรคกลุ่มนี้ เรียกรวมๆ ว่า “พรรคชินวัตร” เพราะ “ตระกูลชินวัตร” มีบทบาทเป็นเหมือนเจ้าของพรรค เป็นผู้นำจิตวิญญาณ และเป็นแหล่งทุนใหญ่
พรรคกลุ่มนี้มีนายกฯมาแล้ว 6 คน คนปัจจุบันคือ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ยังอยู่ในตำแหน่ง
ส่วนอีก 5 คน พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว คือ อดีตนายกฯทักษิณ , อดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช (เสียชีวิตแล้ว) ,อดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ , อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน
ในจำนวน 5 คน เคยถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนจากตำแหน่งทั้งหมด แต่มี 4 คนที่พ้นจากตำแหน่ง เพราะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน คือ อดีตนายกฯสมัคร อดีตนายกฯสมชาย อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ และอดีตนายกฯเศรษฐา
โดยมีเพียงอดีตนายกฯทักษิณเพียงคนเดียว ที่รอดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาได้ ทั้งๆ ที่โดนร้องถึง 2 ครั้งใหญ่ๆ คือ
คดีซุกหุ้น 1 คุณทักษิณถูกกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เพราะซุกหุ้นที่ถือครองอยู่ ไว้กับคนรับใช้ และคนขับรถ แต่ศาลเชื่อคำชี้แจงว่าเป็น “การบกพร่องโดยสุจริต” จึงวินิจฉัยให้ “พ้นผิดด้วยคะแนนเสียง 8:7 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2544 (ขณะนั้นโครงสร้างของศาลรัฐธรรมนูญมีตุลาการ 15 คน)
การพิจารณาคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในเวลานั้น ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล เนื่องจากคุณทักษิณเพิ่งพาพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งเข้ามาอย่างท่วมท้น เกือบแลนด์สไลด์ นโยบายหาเสียงโดนใจ เป็นความหวังของคนจำนวนมาก ทำให้มีการสร้างกระแสสนับสนุนอย่างกว้างขวาง แม้แต่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ เสม พริ้งพวงแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บุกเบิก “แพทย์ชนบท” ยังชูธงเชียร์คุณทักษิณว่าเป็น “อัศวินควายดำ” และสุดท้ายคุณทักษิณก็รอดคดี “ซุกหุ้นภาคแรก” มาจริงๆ
ต่อมา ยังมีคดี "ซุกหุ้นภาค 2" ของอดีตนายกฯทักษิณ เมื่อปี 2549 โดยการอำพรางหุ้นซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากถือหุ้นผ่าน บริษัท แอมเพิล ริช ซึ่งจัดทะเบียนที่ เกาบริติช เวอร์จิน ไอร์แลนด์ ซึ่งรู้กันดีว่าเป็น “เกาะฟอกเงิน” แต่ปรากฏว่าคดี "ซุกหุ้นภาค 2" ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาวินิจฉัย ทำให้กลายเป็นแรงผลักดันให้เกิด "ม็อบนอกสภา" ลุกลามเป็นการชุมนุมใหญ่ และถูกรัฐประหารในที่สุด
สรุปก็คือ แม้อดีต นายกฯทักษิณ จะรอดคมดาบของศาลรัฐธรรมนูญมาได้ถึง 2 ครั้ง แต่ก็จบไม่สวยในทางการเมือง จึงต้องรอลุ้นนายกฯแพทองธาร ว่าจะรอดเหมือนพ่อ หรือโดนเหมือนคุณอา และคนอื่นๆ ที่เป็นนายกฯของพรรคเพื่อไทย