
คดีนายกฯแพทองธาร ตัวเลข 5:4 ยังมาแรงสุด
- ตรวจสอบช่วงโค้งสุดท้ายจากทีมยุทธศาสตร์ ยังไม่มั่นใจว่าเลข 5 จะเทมาทางฝั่งนายกฯ เพราะยังมีแนวโน้มเทไปอีกฝั่ง
- ตอนนี้ทำงานและประเมิน/แก้เกมกันแบบ “รายชั่วโมง” ไม่ใช่ “รายวัน”
การที่นายกฯโลว์โปรไฟล์ ลาประชุม ครม. และเลี่ยงตอบคำถามนักข่าว โดยเฉพาะคำถามสำคัญ 2 คำถาม คือ
- จะลาออกก่อนศาลวินิจฉัยหรือไม่
- จะไปขึ้นศาลในนัดไต่สวนพยานด้วยตัวเองหรือไม่
ท่าทีแบบนี้ทำให้ความเชื่ีอมั่นของนายกฯตกวูบในสายตาประชาชน
แต่ในสายตา “คนการเมือง” และ “นักวิชาการ” ที่ศึกษาเรื่อง “ภาษากาย + ภาษาพูด” มองว่าเป็นการสื่อสารการเมืองรูปแบบใด นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง
พ่อสั่งรูดซิปปาก! ถอยฉาก-เก็บทรง-รักษาดุล
คุณศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะนักวิเคราะห์การเมืองชื่อดัง
- สังคมมองไม่ผิดว่านายกฯเครียด แต่เท่าที่ตนทราบ สาเหตุที่ท่านนายกฯเครียด เพราะไม่รู้ว่าคุณพ่อทำอะไรให้บ้าง
- ส่วนเรื่องการไม่ยอมตอบคำถาม ได้ทราบจากแกนนำพรรคว่า ทั้งคุณพ่อ และทีมยุทธศาสตร์ ห้ามไว้ ไม่ให้ตอบคำถามสื่อ
คุณศักดา บอกว่า คำตอบที่สืบมาจากทางตรง คือ ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยที่ทำงานกับ “นายใหญ่” ได้มาประมาณนี้ แต่ตนขอวิเคราะห์ขยายความเพิ่มเติม
- ในทางการเมือง ไม่ควรพูดฟันธงชัดเจนว่าจะออกหรือไม่ออก โดยเฉพาะการลาออก ในทางการเมืองทำไม่ได้เลย เท่ากับ “โยนผ้าขาว” ถ้าจำเป็นต้องทำจริงๆ ก็ต้องเลิกเล่นการเมืองไปเลย
- ฉะนั้นในความอึมครึม คลุมเครือ จึงต้องลุยไฟ และรักษาสภาพการเมืองให้อยู่ในจุดสมดุล เพื่อไทยยังคุมเกมได้
- ด้วยเหตุนี้การพูดไปก่อน จึงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะการจะลาออก เพราะจะทำให้ทุกอย่างจบทันที หากจะลาออก คือ ต้องลาไปเลย แต่หากไม่ออก ก็ไม่ควรพูด เพราะสถานการณ์พลิกผันเป็นรายชั่วโมง จึงสงวนท่าทีเอาไว้ดีกว่า
สัญญาณร้ายหรือดี เมื่อนายกฯเล่นบท “เตมีย์ใบ้”
อีกคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นเลขาธิการสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย และศึกษาเรื่องการสื่อสารทางการเมือง เพราะเป็นอดีต ผอ.เนชั่นโพล คือ ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
- คุณแพทองธารทำตัวเงียบ หลบสื่อ น่าจะเป็นการตัดสินใจทำตามคำแนะนำจากคนใกล้ตัว หรือทีมยุทธศาสตร์ รวมถึงกระแสวิจารณ์จากสื่อ คือ ลดความโผงผางลง เมื่อผนวกกับสถานการณ์การเมือง จึงเข้าสู่โหมด “เตมีย์ใบ้” ไปเลย
- จุดแข็งของ “เตมีย์ใบ้” คือ ตัวเองจะไม่เป็นจุดสังเกตว่าจะทำหรือตัดสินใจอย่างไรต่อไป
ยกตัวอย่าง => ถ้ามีปฏิบัติการใต้ดินบางอย่างเกี่ยวกับคดี เมื่อตัวเองนิ่ง ก็จะไม่เป็นชนวนให้คนไปขุดคุ้ยมากนัก
=> ถ้าตัวเองไม่มีความมั่นใจ คนก็ไม่สามารถวิจารณ์หรือตีความอะไรได้มากมายนัก เพราะไม่ได้แสดงอาการเหมือนที่เคยแสดง
=> ที่ผ่านมาตัวนายกฯอุ๊งอิ๊งเป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา มีความมั่นใจเวลาพูด ทำให้คนจับสังเกตได้ง่ายว่าคิดอะไร เมื่อนิ่ง ก็จะจับทางยากขึ้น
=> ในทางทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคล หากคนคนนั้นนิ่งไปจากเดิม แปลว่าต้องมีอะไรอยู่ใต้พรม หรือกำลังทำอะไรบางอย่าง แต่ไม่ต้องการเป็นจุดสังเกต จึงเลือกเล่นบท “เตมีย์ใบ้”
ผลที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือ ตัวเลข 5:4 ยังคงมาแรง แต่เมื่อคุณแพทองธารเล่นบทนิ่ง ทำให้คนคาดเดายากกว่า 5:4 จะออกหน้าไหน สรุปไม่ได้ว่าเงียบเพราะมั่นใจ หรือเงียบเพราะกังวล หรือเงียบเพราะกำลังปฏิบัติการบางอย่าง แต่ไม่อยากให้ใครรู้