
19 สิงหาคม 2568 คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เดินทางลงพื้นที่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เป็นจุดที่2 หลังจากลงพื้นที่บริเวณช่องอ่านม้า
ซึ่งบริเวณผามออีแดง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถมองเห็นพื้นที่พิพาท (พระวิหาร–ช่องตาเฒ่า–สัตตาโสม) เพื่อให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเข้าใจภาพรวมสถานการณ์
โดยทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้บรรยายสรุปถึงจุดที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา และภายหลังการหยุดยิง 28 ก.ค.2568 ก็ตรวจพบการเคลื่อนย้ายกำลัง ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ของทหารกัมพูชา ในพื้นที่ประสาทพระวิหารและช่องโดนเอาว์ 194 ครั้ง แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 135 คัน รถกระบะ 127คัน รถบรรทุก 80คัน
ขณะที่ วันที่ 13 ส.ค.2568 จนถึงปัจจุบัน สามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดชนิด TYPE 72 ได้จำนวน 20 ทุ่น และสรรพาวุธอื่นๆอีกจำนวนมาก รวมถึงยังตรวจพบโดรนของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาพื้นที่เขาพระวิหารและภูมะเขือ จำนวน 77 ครั้งด้วย
และ พ.อ.กัมปนาท วาพันสุ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ได้พา คณะIOT มาอธิบายจุดบริเวณผามออีแดง เพื่อให้เข้าใจลักษณะทางกายภาพที่ชัดเจนขึ้น โดยอธิบายจุดที่เป็นจุดของการสู้รบ เช่น พื้นที่ภูผี ซึ่งจุดนี้ ผบ.พลของกัมพูชา เสียชีวิต และสิ่งที่ทหารไทยได้ชี้แจงไป เพื่อยืนยันว่า ทหารไทยจำกัดขอบเขตการรบ ส่วนกัมพูชาได้ปะทะเข้าไปยังพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน
นอกจากนี้ พ.อ.รัฐพล ศิริทับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ยังได้นำเสนอต่อคณะผู้สังเกตุการณ์ ว่าเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 กำลังพลของฝั่งไทยเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวน ทำให้ทหารบาดเจ็บ 3 นาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและพบทุ่นระเบิดอีก 3 ลูก ที่บริเวณช่องโดนอาวน์ ซึ่งเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่จากฝั่งกัมพูชา