
11 สิงหาคม 2568 พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาค 2 เคยรับผิดชอบดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวถึงการที่ยังมีทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่แม่ทัพภาคจะหารือ RBC ในปลายเดือนนี้ ว่า กัมพูชายังดำรงความมุ่งหมายในการที่จะรุกล้ำเข้ามา ไทยเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว เขาเป็นฝ่ายรุก หากอยากจะรู้ว่าเขาจะเลิกเมื่อไร ก็ต่อเมื่อเขาถอนกำลังลงไป เคลื่อนย้านกำลังกลับ แต่ตราบใดที่ยังเพิ่มเติมกำลังคือจะสู้รบกับเราอีก
ส่วนการดูแลทหารที่ต้องทำหน้าที่ออกลาดตระเวนนั้น มองว่า การวางทุ่นระเบิด อนุสัญญาออตตาวาทำอะไร เรื่องดังขนาดนี้ และประเทศในอนุสัญญาออตตาวาให้เงินสนับสนุนกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด น่าจะมีมาตรการกดดัน ตอนนี้ไทยเฉย กัมพูชาก็ยังละเมิดอยู่เรื่อยไป การตกลงต้องอยู่ที่คนมีอำนาจตัวจริง ข้างล่างทำตามคำสั่งข้างบน การประชุม GBC ยื่นข้อเสนอไป ก็ต้องไปถามพนมเปญ 2 คน คือ สมเด็จ ฮุน เซน และฮุน มาเนต ที่กุมเรื่องราวและอำนาจในกัมพูชาทั้งหมด จะให้เดินหน้าหรือถอยหลัง เขาสร้างภาพ ทำนโยบาย เรื่องนี้จะจบเมื่อไรต้องถาม 2 คน เพราะเราไม่ได้รุกรานเขา ก็ต้องดูว่าใครสามารถไปคุยได้
ส่วนกรณีปราสาทตาควาย ที่กัมพูชายังยึดอยู่ และแม่ทัพภาค 2 บอกจะเอาคืน แต่ทางกัมพูชา บอกว่าเขายึดอยู่จะเอาคืนได้อย่างไร พล.ท.กนก กล่าวว่า ในอนาคตหากรบเมื่อไรก็เอาคืนเมื่อนั้น เพราะมีสู้รบอีก เนื่องจากกัมพูชาเพิ่มกำลัง หากมากกว่าเดิมคือเขาดำรงความมุ่งหมายจะรบ เพราะเขาเสียหน้า จุดใหญ่ๆ คือ ภูมะเขือ และช่องอานม้า เป็นสิ่งบอกเหตุ เขาพยายามมารื้อรั้วลวดหนามมาคุยกับทหารไทย หาจุดอ่อนจุดแข็งของไทยวางแผนรบต่อไป
ส่วนการประชุม GBC เป็นภาพเฉยๆ ขนาดลงนามหยุดยิง ยังยิงอยู่ การให้ได้เปรียบในพื้นที่ตอนนี้ นอกจากผู้ใหญ่ไปคุย เราช่วยเหลือทหารชั้นผู้น้อยอย่างไร ก็ต้องสร้างเครื่องกีดขวางให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้มาตัดรั้วลวดหนามอีก