svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สภาฯ เอกฉันท์ “ไชยา พรหมา” นั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง

สภาฯ เอกฉันท์ “ไชยา พรหมา” นั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง แต่หืดขึ้นคอ-เกือบถูกดับฝัน หลัง 2 พี่น้อง สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เสนอนับองค์ประชุม

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์แบบไร้คู่แข่ง ให้นายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 โดยการเสนอชื่อของนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้ส่งชื่อนายไชยา ให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งตามขั้นตอนต่อไป

สภาฯ เอกฉันท์ “ไชยา พรหมา” นั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย

นายไชยา ยืนยันว่า จะใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทางการเมืองตลอดชีวิต เพื่อสภาแห่งนี้ และทำให้สถาบันนิติบัญญัติที่มีอำนาจไม่แพ้ฝ่ายบริหาร และผ่านสถานการณ์ทางการเมืองในแต่ละสมัยได้ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ทั้งการตั้งกระทู้ถาม การเสนอญัตติ และกรรมาธิการ จึงมั่นใจว่า สภาฯ แห่ง จะสามารถเป็นที่พึ่ง รับใช้ประชาชนได้ พร้อมยังอยากเห็นความร่วมมือ ความร่วมใจของฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลในการทำหน้าที่ ซึ่งสิ่งใดที่เป็นเรื่องประโยชน์ประเทศ และประชาชน ก็ขอให้ไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อให้สภา เป็นที่พึ่งกับประชาชนได้ และตนเอง แม้จะเป็น สส.พรรคเพื่อไทย แต่เมื่อตนทำหน้าที่แล้ว ก็พร้อมวางตัวเป็นกลาง สร้างความเชื่อมั่น เที่ยงธรรม ให้ความเสมอภาคกับ สส. จึงขอโอกาสจากทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล เพื่อทำให้สถาบันนิติบัญญัติมีความมั่นคง เข้มแข็ง จึงขอบคุณ สส.ที่ได้ให้โอกาสตนทำหน้าที่

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาให้นายไชยา ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ที่ประชุมเป็นไปอย่างวุ่นวาย หลังนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า ฝ่ายค้านไม่ได้ขัดข้องกับการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาล หากองค์ประชุมรัฐบาลมีความพร้อม แต่ฝ่ายค้าน จะขอเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อพิจารณาแนวทางการเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพออกจากพื้นที่การสู้รบ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาก่อน ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาล ได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจานี้ก่อน

สภาฯ เอกฉันท์ “ไชยา พรหมา” นั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง

กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

แต่นายวัชระพล ได้ชี้แจงว่า กระบวนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ใช้เวลาไม่มาก ซึ่งหากไม่มีการเสนอชื่อแข่งจากฝ่ายค้าน ก็ใช้เวลาเพียงนาทีเดียวก็เสร็จสิ้น

 

ทำให้นายกรวีร์ ได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบองค์ประชุม และเช็กความพร้อมของฝ่ายรัฐบาลก่อน แต่นายวัชระพล ได้ขอให้นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะประธานการประชุม ใช้ข้อบังคับการประชุมข้อที่ 32 ให้ประธานการประชุมวินิจฉัยรูปแบบการตรวจสอบองค์ประชุมแบบขานรายชื่อรายบุคคล และขอเสนอให้นับองค์ประชุมแบบขายชื่อรายบุคคลด้วย

ด้าน นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประท้วงว่า เมื่อมี 2 ญัตติเสนอขึ้นมา ประธานการประชุม จะต้องตรวจสอบองค์ประชุม ก่อนที่จะมีการลงมติให้ที่ประชุมเลือกว่า จะนับองค์ประชุมแบบกดบัตร หรือขานรายชื่อก่อน ซึ่งไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องนับองค์ประชุมก่อน ก่อนที่จะถามทั้ง 2 ญัตติ

 

ก่อนที่ นายฉลาด จะใช้อำนาจประธานการประชุม ให้ที่ประชุมนับองค์ประชุมแบบขานรายชื่อรายบุคคล ซึ่งทำให้นายภราดร ประท้วงให้ประธานการประชุมฯ อ่านข้อบังคับการประชุมที่วางอยู่บนบัลลังก์ และย้ำว่า ก่อนที่จะมีการลงมติให้ที่ประชุมเลือกว่า จะนับองค์ประชุมแบบกดบัตร หรือขานรายชื่อก่อน ซึ่งไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องนับองค์ประชุมก่อน ก่อนที่จะถามทั้ง 2 ญัตติ ตามข้อบังคับการประชุม

 

นายฉลาด ชี้แจงว่า นายวัชระพล ยังไม่ได้มีการเสนอญัตติ ดังนั้น จึงย้ำให้มีการนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ทำให้นายภราดร ประท้วงอีกครั้ง พร้อมขอให้นายฉลาด ไปย้อนดูบันทึกวิดีโอการประชุม

 

ด้าน นายวัชระพล ได้ลุกขึ้นตำหนินายภราดร ในฐานะอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้อ่านข้อบังคับการประชุมมาก่อน ที่กำหนดให้อำนาจประธานการประชุม สามารถกำหนดวิธีตรวจสอบองค์ประชุมได้ และการขอนับองค์ประชุม ไม่ใช่ญัตติ ก่อนที่นายภราดร จะไล่นายวัชระพล ไปเรียนมาใหม่ เพราะข้อบังคับประชุม ระบุ ประธานมีอำนาจในการกำหนดรูปแบบการนับองค์ประชุม กรณีที่ไม่มีผู้เสนอ แต่ในกรณีนี้ มีผู้เสนอญัตตินับองค์ประชุมมาแล้ว ดังนั้น นายวัชระพล ต้องไปเรียนมาใหม่

 

นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้เสนอให้ประธานการประชุม สั่งปิดประตูห้องประชุม ก่อนนับองค์ประชุม และให้เจ้าหน้าที่เดินนับองค์ประชุม เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง และสภาฯ จะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้

 

ขณะที่ นายฉลาด ยังคงยืนยันจะให้มีการตรวจสอบองค์ประชุมแบบขานรายชื่อ ทำให้นายภราดร ยังคงประท้วงว่า ประธานการประชุม จะใช้อำนาจตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 32 ไม่ได้ และจะต้องถามมติจากที่ประชุมก่อนว่า จะลงมติตรวจสอบองค์ประชุมแบบขานชื่อ หรือกดบัตร ดังนั้น จะต้องแสดงตนก่อน แต่หากจะวินิจฉัยเช่นนี้ คนขอวอล์กเอาท์ออกจากที่ประชุม

 

ด้าน นายวิสุทธิ์ เห็นว่า หากผู้เสนอนับองค์ประชุม ไม่อยู่ในที่ประชุมแล้ว ก็ขอให้ดำเนินการตามระเบียบวาระ ในการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ต่อไป

 

ก่อนที่ นายกรวีร์ ได้ลุกขึ้น ยืนยันว่า ตนเองยังอยู่หลังห้องประชุม จึงงงว่า จะบอกว่า ตนไม่อยู่ได้อย่างไร ทั้งที่ตนเป็นผู้เสนอญัตติ และรอแสดงตนอยู่

 

ทั้งนี้ ภายหลังการนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ปรากฏว่า มีองค์ประชุมที่แสดงตนทั้งสิ้น 248 คน จากทั้งหมด 492 คน มากกว่าองค์ประชุมครึ่งหนึ่งอยู่ 2 คน จึงถือว่า ครบองค์ประชุม โดยที่ สส.ฝ่ายค้าน ไม่ได้ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมด้วย