svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สมศักดิ์" ปลุก "โมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้น" แก้ต้นเหตุน้ำท่วม

"สมศักดิ์" หวังแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ต้นเหตุ - ปลุก "โมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้น" วอนกลุ่มเห็นต่างนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม

จากกรณีที่เกิดปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปี รัฐบาลนำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุม video conference เพื่อหาแนวทางแก้ไขให้เร็วที่สุดทั้งในระยะสั้น หรือระยะยาว เพื่อให้เกิดที่ความยั่งยืนและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก 

"สมศักดิ์" ปลุก "โมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้น" แก้ต้นเหตุน้ำท่วม "สมศักดิ์" ปลุก "โมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้น" แก้ต้นเหตุน้ำท่วม

ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา จ.สุโขทัย เป็นทางน้ำยมไหลผ่านอยู่ใกล้ป่าต้นน้ำ ทำให้ปากน้ำกว้างปลายน้ำแคบ เหมือนปากระฆัง และไม่มีเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำจนถึงทุกวันนี้ เมื่อถึงหน้าฝน น้ำมาเร็วและมารวดเดียว บางพื้นที่ต้องสร้างพนังกั้นน้ำให้สูงกว่าตลิ่ง ประมาณ 3 เมตร เพราะปริมาณน้ำเวลาที่หลากมาในตอนฝนตกหรือน้ำที่ล้นจากพื้นที่ต่างๆที่ปล่อยมา ทำให้น้ำท่วมเพราะน้ำมาเร็วและมามากกว่าที่ระบบชลประทานจะระบายได้ทัน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในอดีตภาคเหนือหลายจังหวัด มีป่าไม่ที่รองรับน้ำฝนที่ตกลงมาจากภูเขา กว่าจะมาถึงแม่น้ำก็ใช้เวลา 7-10 วัน แต่ทุกวันนี้มีปัญหาเรื่องการบุกรุกและตัดไม้ทำลายป่า ดังนั้นเมื่อต้นไม้น้อยลงการซึมซับน้ำการอุ้มน้ำไว้ก็น้อยลงตามไปด้วยเพียง 1-2 วันน้ำทั้งหมดก็ไหลมาสู่แม่น้ำยม และถ้าหากมีน้ำในปริมาณมหาศาลไหลมาพร้อมกันมันก็เกิดภาวะน้ำล้นและเมื่อไม่มีที่ระบายน้ำ ก็ไหลเอ่อเข้ามาสู่พื้นที่เมืองชั้นใน ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมตามหมู่บ้านและอำเภอต่างๆ

 

นายสมศักดิ์ ย้ำว่า เรื่องน้ำผมทำมาอยู่ตลอด และทุกเส้นทางในอดีตที่ทำกันมานั้นเป็นการใช้พื้นที่จากการเวนคืนที่ดินคืนมาจากประชาชนซึ่งในยุคนั้นการเวนคืนที่ดินราคาไร่ละ 20,000 บาท ตอนนั้นการดำเนินการเวนคืนที่ดินก็ถูกโจมตีอย่างหนักและมีการตั้งคำถามว่าทำไปทำไม ซึ่งคนที่รับผิดชอบในส่วนนั้นก็ได้ชี้แจงไปว่าทำแล้วได้ประโยชน์ อาทิ ประโยชน์จากการใช้น้ำ เพราะคนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยมีวิถีชีวิตและใช้น้ำกินน้ำใช้ที่ได้มาจากแม่น้ำยม ในตอนนั้นจึงได้มีการตัดสินใจที่จะทำแก้มลิงสำหรับเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำที่ไหลเอ่อล้นนำมาทำให้เกิดประโยชน์โดยใช้งบประมาณในการเวนคืนที่ดินครั้งนั้นประมาณ 1,000 ล้านบาทเพราะในช่วงเวลานั้นราคาของที่ดินยังค่อนข้างถูกจึงทำให้สามารถเวนคืนที่ดินได้มาประมาณ 7,000 ไร่ และใช้เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำสามารถนำมาทำน้ำประปาแจกจ่ายใน 5 อำเภอ 

"สมศักดิ์" ปลุก "โมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้น" แก้ต้นเหตุน้ำท่วม "สมศักดิ์" ปลุก "โมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้น" แก้ต้นเหตุน้ำท่วม

ส่วนอีกแนวทางที่มีการแก้ไขปัญหาก็คือ ทางชลประทานพยายามผันน้ำออกด้วยโครงการคลองยม-น่านผ่านคลอง 6 บาทผันน้ำไปทางแม่น้ำน่าน มีการทำประตูระบายน้ำหลายแห่ง และได้มีแนวคิดที่จะขยายความสามารถคลองโดยทำถนนให้สูงขึ้นเพื่อจะได้มีพื้นที่เหลือและใช้เป็นพื้นที่สำหรับกักเก็บน้ำได้มากขึ้น แต่การสร้างถนนไม่สามารถทำได้แล้วเสร็จง่ายๆ เพราะต้องใช้เวลา เพราะระหว่างที่มีการก่อสร้างก็จะเกิดภาวะน้ำหลากทำให้บริษัทก่อสร้างต้องหยุดชะงักสร้างต่อไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการใช้ที่ดินบางส่วนเพื่อเป็นพื้นที่ปล่อยให้น้ำขัง ซึ่งขั้นตอนนี้ก็จะเสียเวลาไปประมาณ 2-3 เดือนกว่าที่น้ำจะลด ถึงจะได้ดำเนินการสร้างกันต่อ 

 

เช่นเดียวกับในพื้นที่ของคลองน้ำโจนหรือยมฝั่งขวาก็มีเส้นทางน้ำที่เล็ก ทางชลประทานกำลังมีโครงการที่จะขยายความจุคลองเพื่อผันน้ำไปทางฝั่งขวาไปที่ทะเลหลวงซึ่งเส้นทางน้ำก็ต้องผ่านถึง 10 ตำบลและการผ่านของน้ำก็สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและบ้านเรือนในพื้นที่ 

 

ส่วนที่มีคำแนะนำว่าให้มีการขุดเจาะแม่น้ำให้มีความลึกมากกว่าเดิมเพื่อไม่ต้องสร้างพนังน้ำถึง 3 เมตร คือจากเดิมที่มีความลึกประมาณ 5 เมตร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทำไม่ได้เลยในหลักวิศวกรรม เพราะถ้าหากมีความลึกในการขุดเจาะก็จะส่งผลกระทบกับก้นคลอง ที่จะทำให้แคบลงไปกว่าเดิมตลิ่งก็จะพังเพราะปากแม่น้ำยังคงมีขนาดเท่าเดิมถ้าไม่ได้คำนึงถึงความสมดุลในเรื่องของดินสโลป ก็จะส่งผลกระทบทำให้ขอบตลิ่งพังถล่มสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมตลิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก ซึ่งตรงนี้แนวทางการแก้ปัญหาก็ได้มีการหารือร่วมกันแล้วก็มองว่าวิธีการแก้ปัญหาที่จะไม่ให้น้ำท่วมอย่างแรกคือต้องมีการปลูกป่าประเทศไทยต้องมีป่าไม้ แต่การปลูกป่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องใช้เวลากว่าที่ต้นไม้จะเติบโตจนสามารถรองรับหรืออุ้มน้ำไว้ได้ทุกอย่างต้องใช้ระยะเวลาเป็น 10 ปี 

 

แนวทางที่ 2 ที่มีการหารือร่วมกันก็คือเรื่องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นแต่ก็ต้องยอมรับว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ยากลำบากมากเพราะรัฐบาลไม่สู้ไม่เอาด้วยถึงแม้ว่าจะมีคนที่พร้อมจะสู้แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนและก็ต้องยอมรับว่าคนที่สู้ก็ไม่ใช่คนที่มีอำนาจอยู่ในมือปัญหาเรื่องนี้จึงยังผลักดันไม่สำเร็จ 

 

ส่วนอีกแนวทางที่มีการหารือร่วมกันนั่นก็คือการขยายความสามารถระบบชลประทานผันน้ำขึ้นไปอีก เพิ่มแก้มแก้มลิงเก็บน้ำ คลองซอยย่อยต่างๆ รวมถึงบริหารจัดการเรื่องการเกษตรระยะเวลาเพาะปลูกของชาวบ้าน ซึ่งก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ดี แต่ก็มีข้อจำกัดเพราะการขยายความสามารถระบบชลประทาน หรือสร้างแก้มลิงนั่นหมายความว่า ต้องมีการเวนคืนที่ดิน ปัญหาที่ตามมาก็คือเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเรื่องของที่ดินที่จะต้องใช้งบประมาณชดเชยให้กับประชาชน หากน้ำมาเร็วพื้นที่เกษตรของชาวบ้านก็ยังเสียหายและก็ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ดังนั้นการหารือร่วมกันจึงตกผลึกไปที่โมเดลการสร้างเขื่อน ถือว่าเป็นโมเดลที่น่าจะตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและในจังหวัดสุโขทัยมากที่สุด เพราะนอกจากจะไม่ต้องมีเรื่องของการจัดหางบประมาณเพื่อนำไปขอเวนคืนที่ดินจากประชาชนแล้ว แต่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ประชาชนในพื้นที่ให้มีงานทำและมีรายได้ ด้วยการให้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนกับประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับส่วนแบ่งจากการผลิตไฟฟ้าที่จะเกิดจากกำลังการผลิตของเขื่อนแก่งเสือเต้นซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งรายได้เพื่อชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปของประชาชนในพื้นที่

 

ซึ่งการสร้างเขื่อนหรือเสนอโมเดลเขื่อนแก่งเสือเต้นเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ตรงจุดและตอบโจทย์มากที่สุด ช่วยเซฟงบประมาณ เพราะการสร้างเขื่อน 1 เขื่อน ใช้เงินน้อยกว่าการสร้างอ่างเก็บน้ำหลายๆแห่งเสียอีก และ จ.สุโขทัย ทุกวันนี้ นายสมศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากที่เราอกหักเรื่องเขื่อนไป เราได้งบประมาณมาสร้างอ่างเก็บน้ำที่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และเสียงบประมาณไปมากกว่าการสร้างเขื่อน 1 เขื่อน ถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องน้ำทั้งหมดจะต้องมาแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการเสียที