
6 สิงหาคม 2568 มติคณะรัฐมนตรี จากการนำเสนอของ “บิ๊กอ้วน” รักษาการนายกฯ ที่ได้สั่งการให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และอื่นๆ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ทั้งในประเทศและระดับโลก รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ
โดยให้เชิญเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าร่วมประชุมเพื่อช่วยให้คำแนะนำทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว และแจ้งให้ประชาชนผู้เสียหายทราบถึงสิทธิในการฟ้องร้องคดีอาญานั้น
เรื่องนี้แม้จะเป็นการแสดงความ “ขึงขัง - เอาจริงเอาจัง” ของรัฐบาล ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดไทย-กัมพูชา ซึ่งน่าจะได้รับกระแสสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนคนไทยผู้รักชาติก็ตาม แต่ก็มีเสียงทักท้วงจาก “ผู้รู้ทางกฎหมาย”
ซึ่งเชี่ยวชาญทั้งกฎหมายภายใน และกฎหมายระหว่างประเทศว่า การใช้กฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายภายใน ดำเนินคดีกับข้าศึก หรือทหารที่มารบกับประเทศไทย รวมถึงผู้สั่งการให้ทำสงครามกับไทย / สามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ เพราะ
- ประมวลกฎหมายอาญาไทย ไม่ได้มีบทบัญญัติรองรับในฐานความผิดเหล่านี้ / จะมีก็เฉพาะเรื่องการจารกรรมข้อมูล การเป็นสายลับ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติหรือแม้แต่คนไทยที่เข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคง / รวมถึงเอาผิดคนไทยทีไ่ปร่วมกับข้าศึก พูดง่ายๆ คือเป็น “ไส้ศึก” เท่านั้น
- บทบัญญัติในส่วนนี้ อยู่ในหมวด “ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร” มาตรา 119-129
- หลักกฎหมายอาญา ซึ่งเป็น “กฎหมายภายใน” ทั่วโลก รวมทั้งไทย ไม่มีบทบัญญัติเอาผิดทหาร หรือข้าศึก หรือคู่สงคราม
- เพราะเมื่อเกิดสงคราม จะเข้าข่ายความผิดอาญาระหว่างประเทศ ต้องไปฟ้องต่อ ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ในข้อหาอาชญากรสงคราม หรือก่ออาชญากรรมสงคราม
ติงมติ ครม.ย้อนแย้งกรณี “เชลยศึก”
- มีข้อสังเกตคือ หาก ครม.สั่งให้เอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการสู้รบหรือโจมตีประเทศไทย ก็ต้องเอาผิดเชลยศึก 18 คน ที่เป็นทหารกัมพูชา และถูกควบคุมตัวไว้ด้วย
**แต่ถ้าเอาผิด หรือดำเนินคดี หรือสอบสวนทางคดีอาญา ไทยจะทำผิดอนุสัญญาเจนีวา ในเรื่องเชลยศึกทันที
**มติครม.ย้อนแย้งกันหรือไม่
- ย้อนกลับไป การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา บริเวณชายแดนด้านเขาพระวิหาร ปี 2554 รัฐบาลขณะนั้นได้ดำเนินคดีอาญากับฝ่ายกัมพูชาเหมือนครั้งนี้หรือไม่
- การรบในพื้นที่อื่นๆ ของโลก มีชาติใดบ้างที่ใช้กฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายภายใน ดำเนินคดีข้าศึก เช่น รัสเซีย กับ ยูเครน เคยมีข่าวแบบนี้หรือไม่
เตือนจ่ายชดเชยเหยื่อเขมรบอมบ์ ระวังผิด กม.
- เช่นเดียวกับกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เร่งจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของกัมพูชา โดยอ้าง พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าจ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 กฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจจ่ายค่าทดแทน หรือค่าตอบแทนกับ “ผู้เสียหายในคดีอาญา” เท่านั้น แต่ผู้เสียหายจากการสู้รับ โดยศัตรูจากนอกประเทศ เข้าข่ายกฎหมายฉบับนี้ด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบ
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บอกด้วยว่า ไม่ได้คัดค้านการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้ประสบภัยจากสงคราม รัฐบาลสมควรช่วยอย่างยิ่ง แต่ต้องใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ยึดหลักนิติธรรม รวมถึงการประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ก่อสงคราม หรือข้าศึกซึ่งเป็นศัตรูจากนอกประเทศ
ควรจะต้องศึกษากฎหมายให้ดี
ไม่ใช่ให้ความหวังกับประชาชน หรือสร้างคะแนนนิยม โดยไม่มีฐานทางกฎหมายรองรับ ซึ่งสุดท้ายจะสร้างความเสียหายมากกว่าได้ประโยชน์
และอาจทำให้ข้าราชการหรือผู้เกี่ยวข้อง ต้องเดือดร้อนในอนาคต