
1 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย หลังจากนัดแถลงด้วยวาจาและประชุมปรึกษาหารือกันในช่วงเช้า ในคดีที่นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และ สส.รวม 121 คนเข้าชื่อกัน เพื่อยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ห้ามมิให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือกรรมาธิการวิสามัญที่พิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่าย มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายนั้นๆ
กรณี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ การจัดทำโครงการ และให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ โดยที่ผู้ถูกร้อง มีส่วนโดยทางตรง และทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569
เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
โดยศาลรัฐธรรมนูญ ฟังได้ว่า นายพิเชษฐ์ รองประธานสภา ผู้ถูกร้อง เห็นชอบให้แปรญัตติโครงการทั้ง 3
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โครงการทั้ง 3 เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยผู้ถูกร้องมีส่วนในการพิจารณาดำเนินการ และเป็นพื้นที่เลือกตั้งในจ.เชียงราย ของผู้ถูกร้อง ทำให้พฤติการณ์และการกระทำของผู้ถูกร้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทั้ง 3
การดำเนินการงบฯ 69 ได้แปรญัตติเหมือนงบฯ 68 หรือไม่ พบว่า ส่วนราชการมีการเสนอโครงการตั้งแต่ปี 66 ใช้งบฯ 67 ส่วนโครงการปี 67 ของบฯ 68 พบว่า โครงการทั้ง 3 ต่อเนื่อง กระบวนการเสนอของบฯ ปี 69 ไม่แตกต่างจากปี 68
บุคคลที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ต้องมีสถานะ สส. ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจ ต้องไม่ขัดสถานะพื้นฐาน สส.
การใช้อำนาจของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ต้องไม่มีส่วน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบฯรายจ่าย
เห็นว่าเป็นการกระทำในลักษณะเพื่อประโยชน์ตัวเองในการหาเสียงในเขตเลือกตั้งของตัวเอง แสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการใช้งบประมาณทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงหรือสร้างคะแนนนิยมในเขตเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง อันทำให้ได้ประโยชน์ในการเลือกตั้ง สส.ครั้งต่อไป
ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ นายพิเชษฐ์ รองประธานสภา คนที่ 1 ผู้ถูกร้องสิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี