svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"รอยเตอร์" ชี้ "ฮุน เซน" อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

สำนักข่าวรอยเตอร์เผยรายงานเจาะลึก ชี้ "ฮุน เซน" อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นผู้นำเบื้องหลังความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ปัจจุบันจะพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ตาม

KEY

POINTS

  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นผู้มีบทบาทสำคัญและอยู่เบื้องหลังการตอบโต้ของกัมพูชาในความขัดแย้งชายแดนกับไทย แม้จะพ้นจากตำแหน่งแล้ว
  • หลักฐานที่สนับสนุนบทบาทของฮุน เซน รวมถึงภาพถ่ายการประชุมกับนายทหาร การศึกษาแผนที่ และการใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความโจมตีไทยอย่างต่อเนื่อง
  • แหล่งข่าวทางการทูตและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่า ฮุน เซน มีบทบาทอย่างมากในเหตุการณ์ปะทะ และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการหลักด้านการส่งกำลังบำรุง
  • กองทัพไทยได้ออกแถลงการณ์พุ่งเป้าไปที่ฮุน เซนโดยตรง โดยระบุว่าเชื่อว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีพื้นที่พลเรือนของไทย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังคงมีบทบาทสำคัญและเป็นผู้นำเบื้องหลังการตอบโต้ของประเทศในความขัดแย้งชายแดนกับไทยที่ปะทุขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะพ้นจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศและดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาเท่านั้น

ภาพถ่ายและกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียของ ฮุน เซน ชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลที่ยังคงมีอยู่อย่างมหาศาล โดยภาพหนึ่งเผยให้เห็นเขากำลังพูดคุยกับนายทหารและศึกษาแผนที่อย่างละเอียด พร้อมกับเครื่องวิทยุสื่อสารในมือและกาแฟที่วางอยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้เขายังใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นช่องทางโปรดในการโพสต์ข้อความโจมตีประเทศไทยและปลุกระดมชาวกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

แหล่งข่าวทางการทูต 3 รายเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ฮุน เซน มีบทบาทอย่างมากในเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปะทะกันที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษระหว่างไทยและกัมพูชา และแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่ต่อเนื่องของเขาตลอดความขัดแย้ง 5 วันที่ผ่านมา

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาตกในพื้นที่พลเรือนของจังหวัดชายแดนไทย กองทัพไทยได้ออกแถลงการณ์พุ่งเป้าไปที่ ฮุน เซน โดยตรง โดยระบุว่า 

"จากหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน คือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีที่น่ารังเกียจเหล่านี้"

นักการทูตในกัมพูชารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่เปิดเผยชื่อว่า "ในความขัดแย้งชายแดน สิ่งที่โดดเด่นคือขอบเขตที่เขาไปถึงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการสวมเครื่องแบบ, การถูกมองว่าเป็นผู้สั่งการเคลื่อนย้ายกองกำลัง และการเข้าแทรกแซงผ่านเฟซบุ๊ก"

ลิม เมงโฆร์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาผู้ทำงานด้านนโยบายต่างประเทศ เปิดเผยว่า ฮุน เซน ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการหลักด้านการส่งกำลังบำรุงสำหรับกองทหารแนวหน้า โดยกล่าวว่า "เขายังคงติดตามและสังเกตการณ์สถานการณ์ตลอดเวลา"

การกระทำของ ฮุน เซน มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันซึ่งเป็นบุตรชายของเขา โดยในวันแรกๆ ของความขัดแย้ง ฮุน มาเนต มีบทบาทที่เงียบกว่าบนโซเชียลมีเดีย ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีและเดินทางไปเจรจากับมาเลเซียจนนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิง

ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาในระหว่างการปะทะกัน และสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้พยายามคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการพูดคุยกับ ฮุน เซน โดยตรงเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน

อย่างไรก็ตาม การสนทนาบางส่วนได้ถูกเผยแพร่ออกมา ทำให้เกิดวิกฤตทางการเมืองในประเทศไทย จากนั้น ฮุน เซน ได้ปล่อยคลิปเสียงฉบับเต็มของการสนทนาออกมาในภายหลัง และได้ออกสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์นานถึงสามชั่วโมงในปลายเดือนมิถุนายน โดยตำหนิการจัดการปัญหาชายแดนของแพทองธารอย่างเปิดเผย และยังโจมตี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเป็นบิดาของเธออีกด้วย

นักการทูตระดับภูมิภาครายหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ว่า "อย่างน้อยก่อนที่การปะทะจะเริ่มขึ้น เขาก็เป็นคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างเปิดเผย ผมหมายถึงว่าเขาเป็นคนที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด และเป็นคนแถลงการณ์ทั้งหมด"

...

รายงานของรอยเตอร์ชี้ให้เห็นว่า แม้จะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ ฮุน เซน ยังคงมีอิทธิพลอย่างมาก และความขัดแย้งชายแดนในครั้งนี้ได้ทำให้บทบาทของเขาชัดเจนขึ้น ท่ามกลางกระแสชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นในกัมพูชาและเสียงสนับสนุนรัฐบาลอย่างท่วมท้นบนโซเชียลมีเดีย