
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์ 366 เสียงให้ความเห็นชอบ "ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา" ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “กระทำการ” และเพิ่มบทนิยามคำว่า “คุกคาม” เพื่อให้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ และสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน โดยพร้อมยกเลิกเหตุฉกรรจ์ของความผิดฐานอนาจาร และกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศ แก้ไขเพิ่มเติมวิธีการเพื่อความปลอดภัย เพื่อกำหนดให้คำสั่งงดเว้นการกระทำ เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอีกวิธีการหนึ่ง และแก้ไขเพิ่มเติมความผิดลหุโทษ เพื่อเพิ่มอัตราโทษ กรณีความผิดกรณีความผิด ที่กระทำต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ หรือการกระทำนั้นได้กระทำในที่สาธารณสถาน หรือต่อหน้าธารกำนัล
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า เนื่องจากนิยามคำว่า “กระทำชำเรา” เดิมนั้นกำหนดวัตถุแห่งการกระทำ ต้องเป็นกรณีผู้กระทำความผิดใช้อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่นเท่านั้น แต่บทบัญญัติที่แก้ไขใหม่นี้ ยังหมายความครอบคลุมถึงกรณีการใช้อวัยวะอื่นของผู้กระทำความผิด หรือใช้วัตถุล่วงล้ำอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผู้อื่น เช่น นิ้วมือ ปากกา ล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนักผู้อื่น
ส่วนคำว่า “อวัยวะเพศ” ให้หมายความรวมถึง “อวัยวะเพศที่เกิดจากการผ่าตัด” ด้วย
คำนิยาม “คุกคามทางเพศ” จากเดิมที่ให้เป็นการกระทำเฉพาะการสัมผัสทางกายเพียงอย่างเดียว แก้ไขให้ครอบคลุมทั้งการกระทำโดยทางกาย วาจา การส่งเสียง การแสดงกิริยาท่าทาง การติดต่อสื่อสาร การเฝ้าดู การติดตามรังควาน รวมถึงการกระทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายอันมีลักษณะส่อไปในทางเพศที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน รำคาญ อับอาย หวาดกลัว หรือได้รับความไม่ปลอดภัยทางเพศ
ทั้งยัง กำหนดให้การคุกคามทางเพศเป็นการกระทำที่เป็นความผิดอาญา และต้องรับโทษ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมปัจจุบันที่การกระทำความผิดทางเพศมีความหลากหลายมากขึ้น แม้ไม่ใช่เป็นการกระทำชำเรา หรืออนาจาร แต่ส่งผลรุนแรงทั้งร่างกาย และจิตใจของผู้ถูกกระทำ อีกทั้งยังกำหนดให้รวมถึงการกระทำคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ด้วย
กำหนดกลุ่มบุคคลที่ถูกกระทำ และลักษณะการกระทำที่เป็นความผิดที่ยอมความได้ โดยมีเหตุผลดังนี้ หากเป็นการกระทำกันเองระหว่างคู่สมรสที่ไม่ใช่เป็นการกระทำต่อหน้าบุคคลอื่นอันก่อให้เกิดความอับอาย ถูกเหยียดหยาม หรือไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ก็ให้สามารถยอมความได้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของสถาบัน ครอบครัว เนื่องจากพิจารณาว่า หากเป็นกรณีการคุกคามทางเพศที่ไม่ร้ายแรงโดยคู่กรณีสามารถตกลงกันได้ ก็ให้สามารถยอมความกันได้เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระทางปริมาณคดีแก่ศาล ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1.หากเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล และไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ก็ให้สามารถยอมความได้
2.ถ้าการคุกคามทางเพศไม่ใช่เป็นการกระทำต่อ บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือในความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเอง อันเนื่องมาจากเป็นผู้ทุพพลภาพ ผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน คนป่วยเจ็บ คนชรา สตรีมีครรภ์ หรือผู้ซึ่งอยู่ในภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบก็ให้สามารถยอมความได้เช่นกัน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า มีการกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศ และกำหนดโทษ รวมถึงเหตุฉกรรจ์ เพื่อให้การคุกคามทางเพศเป็นความผิดทางอาญาและมีโทษ และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก อีกทั้งเพื่อป้องปรามมิให้ผู้กระทำ ฉวยโอกาสกระทำความผิดต่อเด็ก ซึ่งไม่สามารถต่อสู้ หรือช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากอันตรายจากการกระทำได้ กำหนดเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษเพิ่มขึ้น เพื่อป้องปรามมิให้ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือบุคคลอื่นฉวยโอกาสกระทำการคุกคามทางเพศต่อผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชา ลูกจ้าง หรือผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจประการอื่น เช่น ผู้ที่ต้องอาศัยพึ่งพา ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น
รวมถึงให้อำนาจศาลในการกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยในกรณีความผิดฐานคุกคามทางเพศ โดยมีเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี และกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ให้ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลจะมีอำนาจพิจารณาออกคำสั่งให้ผู้กระทำ ตลอดจนผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Line และ Tiktok เป็นต้น หยุดการเผยแพร่ หรือนำภาพ หรือวิดีโอลามกของผู้เสียหายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลก่อน รวมทั้งกำหนดโทษสำหรับผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ ที่ฝ่าฝืนไม่ทำตามคำสั่งของศาล เพื่อเป็นการหยุดยั้งความเสียหายให้แก่ผู้ถูกกระทำการคุกคามทางเพศอย่างทันท่วงที
มีการเพิ่มอัตราโทษการกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ กำหนดให้การกระทำดังกล่าวในที่สาธารณะสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลเป็นเหตุฉกรรจ์ ที่ต้องรับโทษเพิ่มขึ้น กำหนดโทษคุกคามทางเพศที่ไม่ใช่การอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเป็นการกระทำผิดซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการกระทำในที่สาธารณสถานต่อหน้าธารกำนัล หรือในระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าเป็นการกระทำผิดต่อเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการคุกคามทางเพศเป็นการกระทำโดยอาศัยความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือประการอื่น ต้องระวางโทษไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อป้องกันผู้บังคับบัญชา นายจ้าง ฉวยโอกาสคุกคามทางเพศต่อผู้ใต้บังคับบัญชา นอกจากนี้ ยังระบุให้อำนาจศาลสามารถสั่งผู้กระทำความผิดห้ามกระทำการอย่างใด เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการคุกคามทางเพศ มีกำหนดเวลาไม่เกิน 2 ปี
อย่างไรก็ตามหากเป็นกรณีการคุกคามทางเพศที่ไม่ร้ายแรง ถ้าคู่กรณีตกลงกันได้ สามารถยอมความได้ เช่น กรณีคุกคามทางเพศที่ไม่ได้ทำต่อหน้าธารกำนัล และไม่ทำให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส หรือกรณีที่ไม่ใช่การกระทำต่อบุพการี พี่น้องร่วมบิดามารดา ญาติ ลูกศิษย์ ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้ทุพพลภาพ ผู้มีจิตบกพร่อง คนป่วย คนชรา
นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ กรรมาธิการฯ ในฐานะผู้ร่วมเสนอร่างกฎหมาย กล่าวภายหลังที่ประชุมฯ มีมติให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า ในฐานะที่ตนเองได้พยายามผลักดันในเรื่องกฎหมายที่คุ้มครองประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยทางเพศมาตลอด และในเรื่องการคุกคามทางเพศ ที่เป็นประเด็นใหม่ ที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งมีวิวัฒนาการที่มากขึ้น อย่างเช่นการคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตนต้องขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนในกฎหมายฉบับนี้ ตั้งแต่การเริ่มร่างกฎหมาย จนได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ในชั้นกรรมาธิการ โดยก้าวข้ามผ่านการเล่นการเมือง และนึกถึงประโยชน์ของประชาชน และหวังว่า กฎหมายฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนอย่างยิ่ง และหากกฎหมายฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ ได้บังคับใช้ ตนเองก็จะยังคงติดตามถึงผลการบังคับใช้ เพื่อพัฒนากฎหมายนี้ต่อไป
:: สาระสำคัญ ของกฎหมายฉบับนี้ ::
1) การแก้ไขนิยาม "กระทำชำเรา" ให้ครอบคลุมรูปแบบในการกระทำ รวมทั้งเพศของผู้ถูกกระทำ
2) มีการนิยามและกำหนดโทษในกรณีการคุกคามทางเพศ ทั้งในแบบการกระทำต่อหน้า และการกระทำผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นไม่มีคำนิยามและโทษของความผิดนี้ มีเพียงเหตุเดือดร้อนรำคาญ ที่เป็นเพียงลหุโทษ
3) การให้สิทธิผู้เสียหายในกรณีการคุกคามทางเพศ เช่น การถูกเผยแพร่ภาพโป๊ อนาจาร ของตนเอง สามารถร้องขอให้ศาลสั่งลบข้อมูลโดยตรง โดยไม่ต้องรอดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญของการลบข้อมูลลามกโดยเร็ว โดยผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามทันที เท่ากับว่าเพิ่มกลไก “เร่งด่วน” (Urgent Mechanism) ขึ้นมา สิ่งนี้มีผลดีมากต่อผู้เสียหาย