
KEY
POINTS
สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก รวมถึง อัล จาซีรา, เอพี และ ซีเอ็นเอ็น ได้รายงานข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปะทะด้วยอาวุธหนักในหลายพื้นที่ มีพลเรือนและทหารได้รับบาดเจ็บ รวมถึงมีการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
รายงานจาก Al Jazeera ระบุว่า มีพลเรือนชาวไทยอย่างน้อย 2 รายเสียชีวิต และทหารไทย 2 นายได้รับบาดเจ็บจากการปะทะอย่างหนักกับทหารกัมพูชาในพื้นที่พิพาทใกล้ปราสาทตาเมือนธม (Ta Moan Thom Temple) ในจังหวัดอุดรมีชัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา โดยกองทัพไทยอ้างว่าทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน หลังจากส่งโดรนสอดแนมเข้ามาในพื้นที่ และใช้ปืนหนัก รวมถึงปืนใหญ่และจรวด BM21 ในการโจมตี ด้านนายสุทธิโรจน์ เจริญธนศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าว รอยเตอร์ ว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทำให้ประชาชนราว 40,000 คนจาก 86 หมู่บ้านตามแนวชายแดนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ต้องอพยพไปยังที่ปลอดภัย
AP รายงานว่าทหารไทยและกัมพูชายิงปะทะกันในหลายพื้นที่พิพาท ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 3 ราย โดยมีวิดีโอถ่ายทอดสดจากฝั่งไทยแสดงให้เห็นประชาชนกำลังวิ่งหนีออกจากบ้านและหลบภัยในบังเกอร์คอนกรีตขณะที่ได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ
ทั้งไทยและกัมพูชาต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน โดยกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่าทหารกัมพูชาได้ตอบโต้หลังจากถูกโจมตีจากกองทัพไทย และเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
ด้าน สมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า กองทัพไทยได้ยิงปืนใหญ่โจมตีจังหวัดอุดรมีชัยและพระวิหารที่ติดกับชายแดนไทย และกล่าวว่า "กองทัพกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้และตอบโต้" พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนสงบสติอารมณ์และไม่ตื่นตระหนกกับการกักตุนข้าวสารอาหารแห้ง
---
การปะทะครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดและได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม โดยมีการกล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นผู้ฝังกับระเบิด ซึ่งกัมพูชาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และอ้างว่าทหารไทยได้ออกนอกเส้นทางลาดตระเวนที่ตกลงกันไว้ ทำให้ไปเหยียบกับระเบิดเก่าที่ถูกฝังไว้ตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมือง
ภายหลังเหตุการณ์กับระเบิด พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไทย ได้ประกาศเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาออกจากประเทศไทย พร้อมลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา
ในการตอบโต้ รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศถอนนักการทูตทั้งหมดออกจากประเทศไทย และสั่งให้นักการทูตไทยทุกคนเดินทางออกจากประเทศ นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ The Phnom Penh Post รายงานว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงสู่ "ระดับต่ำสุด" โดยลดตำแหน่งทางการทูตลงเหลือเพียง "เลขานุการเอก"
CNN รายงานเพิ่มเติมว่า ชั่วโมงก่อนที่เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยจะขึ้นปฏิบัติการ มีการปะทะด้วยอาวุธระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้นตามแนวชายแดน กองทัพไทยอ้างว่าได้ "ทำลาย" กองบัญชาการทหารภูมิภาคของกัมพูชาไปสองแห่ง แต่ยังไม่มีการยืนยันจากฝั่งกัมพูชา
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสองประเทศเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เมื่อทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากการปะทะด้วยอาวุธในพื้นที่พิพาทอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่วิกฤตทางการทูตเต็มรูปแบบ และล่าสุดได้ขยายตัวเป็นการปะทะด้วยอาวุธ
การปะทะได้นำไปสู่มาตรการตอบโต้ต่างๆ รวมถึงการปิดจุดผ่านแดน โดยกัมพูชาได้บล็อกการนำเข้าเชื้อเพลิง ก๊าซ ผลไม้ และผักจากประเทศไทย ขณะที่ไทยก็ได้จำกัดการเดินทางข้ามแดนและระงับบริการอินเทอร์เน็ตที่หน่วยงานกัมพูชาใช้
ปัญหาข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยเหนือพื้นที่ชายแดนความยาว 817 กิโลเมตร ที่ไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่ค้างคามาระหว่างไทยและกัมพูชากว่าศตวรรษ และเป็นสาเหตุของความตึงเครียดเป็นระยะ ซึ่งรวมถึงความขัดแย้งที่สำคัญบริเวณปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2554 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายราย และการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ที่ให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทดังกล่าว ก็ยังคงเป็นประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทยจนถึงปัจจุบัน