
จากข่าวผลประชุมของดีเอสไอ ในวันนี้ คุณผู้ชมคงมึนๆ งงๆ ว่า คดีที่ดีเอสไอประชุมกัน เป็นคดี “ฮั้ว สว.” สำนวนไหนกันแน่
เป็นเรื่องเดียวกับที่ กกต. โดย คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ดำเนินการอยู่หรือเปล่า วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
เราคุยตรงกับ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้ข้อมูลแบบนี้
- คดีที่ประชุมสรุปกันวันนี้ เป็น “กรณีความผิดฐานฟอกเงิน” ของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. ซึ่งเป็นสำนวนที่ ดีเอสไอ ดำเนินการฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวกับ กกต.
- ข้อหาคือ เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน ซึ่งมีพฤติการณ์ฟอกเงิน พูดง่ายๆ คือ “คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.”
- กรณีความผิดนี้ ดีเอสไอมีอำนาจทำฝ่ายเดียว เพราะฐานความผิด “ฟอกเงิน” เป็นความผิดมูลฐาน และเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ
- ข้อมูลหลักฐานที่ได้มา มาจากสองส่วน คือ
- คดีที่ประชุมสรุปกันวันนี้ เป็น “กรณีความผิดฐานฟอกเงิน” ของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. ซึ่งเป็นสำนวนที่ ดีเอสไอ ดำเนินการฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวกับ กกต.
- ข้อหาคือ เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน ซึ่งมีพฤติการณ์ฟอกเงิน พูดง่ายๆ คือ “คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.”
- กรณีความผิดนี้ ดีเอสไอมีอำนาจทำฝ่ายเดียว เพราะฐานความผิด “ฟอกเงิน” เป็นความผิดมูลฐาน และเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ
ข้อมูลหลักฐานที่ได้มา มาจากสองส่วน คือ
หนึ่ง สอบพยานปากสำคัญ 7 คนแรก ซึ่งเรียกเข้าให้ปากคำตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเรื่อยมา
พยานกลุ่มนี้ขยายเป็น 12 คน แต่ส่วนใหญ่เมื่อเรียกเข้าให้ปากคำ แต่ละคนให้การปฏิเสธ
พยานกลุ่มนี้เชื่อมโยงการเลือก สว.ใน 5 จังหวัด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีการจัดฮั้ว ทั้งภาคใต้ อีสาน และเหนือ
สอง หลักฐานที่ได้มาจากการตรวจสอบเส้นทางเงิน และการเดินบัญชีธนาคารจากการโอนเงินถึงกัน มีสเตทเมนท์เป็นหลักฐานมัดแน่นหนา ชัดเจน
พบความเกี่ยวข้องมากถึง 30 จังหวัด และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ต้องเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องถึงหลักร้อยคน
ความผิดฐาน เป็นอั้งยี่่ ฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน (บางคนไม่ได้เป็นตัวการโดยตรง) บางส่วนเป็นผู้กระทำความผิด บางส่วนเป็นพยาน
- คดี “อั้งยี่ - ฟอกเงิน” นี้ ดีเอสไอคาดว่าจะทยอยออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องได้ ตั้งแต่เดือนหน้า คือ เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยไม่ต้องรอการชี้มูลของ กกต. ในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เพราะเป็นคนละส่วนกัน