
17 กรกฎาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. กล่าวว่า เราได้มีการจัดตั้ง ศูนย์ร้องเรียนการกระทำผิดของพระสงฆ์ ขึ้นมา โดยเป็นการร่วมมือกันหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ เจ้าหน้าที่ ปปง. รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา
โดยจะมีการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ครั้งนี้ถือเป็นการจัดตั้งเฉพาะกิจขึ้นมาก่อน โดยให้ทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้อำนวยการศูนย์ แต่ในอนาคตคงจะต้องยกระดับให้เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยการแบ่งหน้าที่กันนั้น จะให้ทางสำนักพุทธตรวจสอบว่าวัดไหนบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และแนวทางที่วางไว้ ก็จะผิดเรื่องวินัยสงฆ์ ส่วนหากผิดในเรื่องอาญา ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินคดี
ซึ่งตัวเองไม่อยากให้เหมารวม ให้แยกเป็นเรื่องของบุคคล ส่วนการแสดงทรัพย์สินวัดนั้น ก็จะให้ทางป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาว่าจะมีการประกาศให้แสดงทรัพย์สินหรือไม่
ผบ.ตร. ย้ำด้วยว่า การจัดตั้งศูนย์ครั้งนี้ เนื่องจากมีเหตุการณ์มีพระหลายรูป รวมทั้งสำนักสงฆ์หลายแห่ง เข้าข่ายการกระทำความผิดวินัยสงฆ์และอาญาในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จึงมองว่าถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกับทุกหน่วยงาน
ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ครั้งนี้มีคนร้องเรียนมาแล้วถึง 69 เรื่อง ส่วนการร้องเรียนในเรื่องอะไรนั้นยังไม่ขอลงรายละเอียด ทั้งนี้ เน้นย้ำให้ตรวจสอบระวังข้อมูลข่าวสารที่อาจนำไปสู่การกลั่นแกล้ง
รวมถึงการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ ถ้าหากพบก็ให้ดำเนินคดีกับผู้แจ้งความเท็จด้วย
เมื่อถามว่าในส่วนที่ผ่านมา เมื่อตำรวจทราบว่าเจ้าหน้าที่สำนักพุทธมีการละเว้น และบกพร่อง เมื่อร่วมงานทุกครั้งจะเกิดความล้มเหลว ทั้งที่เป็นความผิดชัดเจน ทำไมตำรวจถึงไม่ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เหล่านี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า เรื่องนี้ยังไม่มีพยานหลักฐาน หากจะเอาผิดใครจะต้องมีพยานหลักฐานและมีผู้แจ้งร้องทุกข์ ยืนยันตำรวจไม่ผิด สำนักพุทธไม่ผิด แต่มีเพียงพระสงฆ์บางรูปที่ประพฤติไม่เหมาะสม จากพระสงฆ์ 3 แสนรูป ที่นับเป็นส่วนน้อยที่มีความผิด จึงขออย่าเหมารวมศาสนา
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ดำเนินการที่ผ่านมาทุกครั้งไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับทั้ง 2 หน่วยงานนั้น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้ง และไม่ถึงขนาดต้องจูบปาก เพราะบางครั้งผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นคนตั้งใจทำงาน แต่การสื่อสารอาจทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน จึงได้กำชับการให้ข้อมูล เนื่องจากมีความละเอียดอ่อน
ตนเองก็ไม่อยากติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ จะทำให้เสียกำลังใจ และทราบดีว่า บิ๊กเต่า เป็นคนตั้งใจทำงาน และขณะนี้ก็ยังตั้งใจทำงานอยู่
ส่วนเส้นเงินสีกากอล์ฟมีการขยายผล ว่าเส้นเงินไปถึงใครบ้าง ถึงแม้ว่าจะจับกุมดำเนินคดีแล้วก็ตาม ก็จะขยายผลต่อไป
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีพระผู้ใหญ่ สมณศักดิ์สูงกว่า แอบมีสัมพันธ์ฉาวสีกาคล้ายกับสีกากอล์ฟ
บิ๊กต่าย ยืนยันว่า มีเรื่องร้องเรียนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้ตนเองทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่า ไม่ใช่พระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าคดีสีกากอล์ฟตามข่าวลือ เป็นพระอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่กรุงเทพมหานคร โดยมีความเกี่ยวข้องกับสีกา ส่วนจะเกี่ยวกับเงินหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการกอดและยกนิ้วให้กำลังใจ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พร้อมกล่าวชื่นชมว่า
“ทำงานเยี่ยม คนทำงานต้องชื่นชม”