
น้ำเงินร้าวลึก ไชยชนก ทายาทครูใหญ่ ชูแนวคิดถ่ายเลือด ล้างบาง สส. งูเห่า สะเทือนบ้านใหญ่ภูธร ยุบสภาเมื่อไหร่ เลือดไหลโกรก
ปมก๊วนลูกเทพ ค่ายสีน้ำเงิน ถ่างช่องว่างระหว่าง สส.เจนวายกับ สส.บ้านบ้าน เหมือนภูเขาไฟใต้ทะเล รอวันปะทุ
ยังไม่จบ กรณี 3 สส.โหวตสวนมติพรรค สนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกจากการพิจารณาของสภาฯ
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2568 อรอุมา บุญศิริ สส.บึงกาฬ และประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์ ในฐานะผู้ที่โหวตสวนมติพรรคแถลงข่าวครั้งแรก โดยสรุปว่า ทั้งคู่ทำตามความต้องการของประชาชนที่ให้ถอนร่างกฎหมายกาสิโน และยืนยันว่า จะอยู่กับพรรคภูมิใจไทยต่อไป
ส่วน ชูกัน กุลวงษา สส.นครพนม อ้างว่าป่วย ไม่ได้เข้าพรรค แต่ก็มีความเห็นไปในทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี เป็นประธานกรรมการ ซึ่งระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้ง 3 สส.ต้องหยุดทำกิจกรรมร่วมกับพรรคไว้ก่อน
ท่าทีของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พยายามประนีประนอม ไม่อยากปรักปรำ สส.คนใดว่า เป็นงูเห่า
ตรงกันข้ามกับ ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคที่ไม่เชื่อคำชี้แจงของ สส.ทั้ง 3 คนที่ระบุว่า โหวตผิด แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรม โดยทางพรรคมีกระบวนการตรวจสอบโดยละเอียด
นัยว่า เลขาธิการพรรคสีน้ำเงินรู้ข้อมูลว่า มีการติดต่อ สส.ภูมิใจไทย 9 คน โดยจ่ายให้ตัวเลข 8 หลัก โดยทั้งหมดนี้ ถูกทาบทามจากหลายกลุ่มการเมือง
เนื่องจาก ไชยชนก เป็นนักการเมืองเจนวาย อาจจะมองว่า เรื่อง สส.งูเห่า เป็นเรื่องใหญ่ จึงจะเอาจริงเอาจังถึงขั้นตรวจสอบเส้นทางการเงินและดำเนินการทางกฎหมาย
อย่างที่รู้กัน สมัยรัฐบาลประยุทธ์ ค่ายสีน้ำเงินก็ได้ชื่อว่าเป็น “ฟาร์มงูเห่าสีส้ม” มีทั้งย้ายเข้าและฝากเลี้ยงมากกว่า 10 คน แถมยังมีงูเห่าสีแดงฝากเลี้ยงไว้อีก 5 คน
สมัยรัฐบาลเศรษฐา และรัฐบาลแพทองธาร 1 การเล่นเกมสภาฯของ ไชยชนก ชิดชอบ รวมทั้ง ภราดร-กรวีร์ ปริศนานันทกุล ที่ทำตัวเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล สร้างความอึดอึดให้กับ สส.ภูมิใจไทยจำนวนหนึ่ง
บวกกับการตัดสินใจออกจากพรรคร่วมรัฐบาลแพทองธาร มองในภาพรวม ทำให้พรรคภูมิใจไทย มีคะแนนนิยมดีขึ้น แต่ สส.บ้านนอกกลับรู้สึกว่า พรรคเสียโอกาส
เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยกำเนิดมาจากการรวมตัวของ “บ้านใหญ่” นักการเมืองรุ่นเก่าที่ต้องการเป็น “ฝ่ายรัฐบาล” มากกว่าฝ่ายค้าน
ยุทธศาสตร์ตอกเสาเข็ม ปั้น สส.หน้าใหม่ที่ใช้ได้ผลเมื่อเลือกตั้งปี 2566 ก็มาจากการที่ค่ายสีน้ำเงิน คุมคมนาคมและสาธารณสุขในรัฐบาลประยุทธ์
ผู้แทนบ้านบ้าน ส่วนใหญ่มีพื้นฐานจากนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งคนอย่าง ชูกัน กุลวงษา สส.นครพนม อรอุมา บุญศิริ สส.บึงกาฬ และประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์ ยังมีอีกเยอะในพรรคภูมิใจไทย พวกเขาแคร์ฐานเสียงมากกว่ากรรมการบริหารพรรค
ฉะนั้น ครูใหญ่เนวิน จะสลัดภาพพรรคบ้านใหญ่ สู่พรรคคนรุ่นใหม่ หรือ “เจนใหม่ มีของ” ไม่ใช่เรื่องง่าย
จะว่าไปแล้ว นับแต่ครูใหญ่เนวิน ดันเลือดใหม่หรือทายาทบ้านใหญ่ ขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ได้ทำให้เกิดช่องว่างทางความคิด ระหว่างกลุ่มผู้นำเจนใหม่ กับกลุ่ม สส.บ้านใหญ่ภูธร (ระดับจังหวัด)
วลี “ก๊วนลูกเทพ” จึงหลุดออกจากปากของ สส.บางกลุ่ม พร้อมแสดงท่าทีไม่พอใจพฤติกรรมของเจนใหม่ค่ายสีน้ำเงิน
เฉพาะท่าทีของเลขาธิการพรรค ไชยชนก ชิดชอบ ใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษ 17 ปี มีวิธีคิดแบบเจนวาย เป็นตัวของตัวเอง และคิดคล้ายกับภราดร-กรวีร์ ไม่ค่อยชอบคำว่า บ้านใหญ่ ฟังดูเหมือนนักการเมืองประเภทเจ้าพ่อเจ้าแม่
ดังนั้น ไชยชนกจึงปั้นคำจำกัดความกรรมการบริหารชุดใหม่ว่า “บ้านใหญ่ มีของ” หมายถึงสายเลือดทางการเมือง แต่เป็นคนที่มีผลงานมีความรู้ความสามารถ
ส่องเข้าไปดูคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชุดใหม่ กลุ่มเจนใหม่ที่ใกล้ชิดกับไชยชนก ก็มีเพียง ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต สส.ศรีสะเกษ และแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลฯ
หากภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้านยาวไปอีก 5-6 เดือน ภายใต้การบริหารแบบก๊วนลูกเทพ เชื่อว่า หลังยุบสภาฯ จะมี สส.บ้านบ้าน ย้ายออกพรรคจำนวนหนึ่ง