
18 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบ มาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ในราคาไม่เกิน “20 บาทตลอดสาย ” ตามนโยบายของรัฐบาล ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดราคาค่าครองชีพในทุกมติ ให้กับประชาชน เช่น การปรับราคาค่าครองชีพ ค่าสาธารณูปโภค และค่าพลังงานต่าง ๆ โดยต่อมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ยังได้เปิดเผยไทมไลน์ ขั้นตอนการลงทะเบียน และการเริ่มใช้มาตรการ ประมาณเดือน กันยายน - ตุลาคม นี้
แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความเห็นของหน่วยงานต่างๆที่นำเสนอที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 กลับ พบว่า มีความห่วงใยต่อมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
อาทิ กรุงเทพมหานคร โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. ได้ทำบันทึกเสนอต่อที่ประชุมครม. ระบุว่า ขอเรียนว่า ได้ตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานครในการดำเนินการตามมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด ๒๐ บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ ๒) ที่กระทรวงคมนาคมเสนอแล้ว พบว่าการดำเนินโครงการถไฟฟ้าภายใต้กำกับของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทองมีรูปแบบการบริหารจัดการที่เป็นทั้งสัญญาสัมปทาน และสัญญาจ้างเดินรถและมีข้อกำหนดเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงมีความเห็นดังนี้
๑. มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการที่ดีที่เป็นประโยชน์โดยสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และก่อให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินทาง แต่จะทำให้เกิดภาระงบประมาณที่สูงเนื่องจากต้องมีการชดเชยให้กับเอกชนผู้เดินรถ ดังนั้น ต้องมีการศึกษารายละเอียด วิธีการ คิดค่าใช้จ่าย และกำหนดวิธีการชดเชยให้ชัดเจนและได้ข้อยุติก่อน หากกรุงเทพมหานครไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณอย่างเพียงพอแล้วจะเป็นภาระต่องบประมาณ หรือภาระทางการคลังของกรุงเทพมหานครในอนาคตและไม่เป็นการรักษาวินัยการในการคลังตามพระราชบัญญัติวินัยการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๒๕
๒. จากประมาณการค่าใช้จ่ายในการชดเชยส่วนต่างรายได้ของโครงการรถไฟฟ้าภายใต้กำกับของกรุงเทพมหานครได้แก่ สายสีเขียวและสายสีทอง รวม ๒,๕๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่ระบุไว้ในหน้าที่ ๑๓ ข้อ ๕.๑.๓ ของหนังสือที่อ้างถึง ๑
กรุงเทพมหานครเห็นว่าการชดเชยดังกล่าวยังต่ำกว่าค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของส่วนต่อขยายที่กรุงเทพมหานครจ้าง ซึ่งไม่สะท้อนถึงต้นทุนในการบริหารจัดการโครงการที่แท้จริง
ประกอบด้วย ภาระค่างานโครงสร้างงานโยธา งานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) และงานจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามสัญญาจ้างที่กรุงเทพมหานครได้ลงทุนแล้ว โดยกรุงเทพมหานครคาดว่าต้นทุนในการบริหารจัดการโครงการในปีงบประมาณ ๒๕๖๙ การชดเชยจะต้องใช้ งบประมาณที่สูงเป็นจำนวน ๑๑,๐๕๔,๔๖๔ ล้านบาท และยังไม่รวมงบประมาณอันอาจจะเกิดขึ้นทั้งหมดจากการปรับเปลี่ยนระบบจัดเก็บค่าโดยสารตามมาตรการดังกล่าว
ดังนั้น จึงไม่สามารถยืนยันประมาณการดังกล่าวตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอได้ และขอให้รัฐบาลชดเชยส่วนของต้นทุนในการบริหารจัดการโครงการที่แท้จริง รวมถึงขอให้จัดสรรงบประมาณในการปรับเปลี่ยนระบบจัดเก็บคำโดยสาร เพื่อให้เป็นไปตามหลักการที่กรุงเทพมหานครได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๒๕
๓. การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนสัมปทาน กรุงเทพมหานครได้ทำสัญญาสัมปทานกับเอกชนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานกำหนดให้รายได้จากค่าโดยสารและรายได้จากกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบขนส่งมวลชนเป็นของเอกชนผู้รับสัมปทานทั้งหมด โดยกรุงเทพมหานครใช้อำนาจในการกำกับเอกชนตามพระระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และตามสัญญาสัมปทานเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงค่าโดยสารตามมาตรการของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขในสัญญาสัมปทาน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดและมีเงื่อนไขที่ซับซ้อน ดังนั้น จึงต้องดำเนินการเจรจากับผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้ได้ข้อยุติก่อน ซึ่งต้องกำหนดแนวทางการดำเนินงาน วิธีการชดเชยภาคเอกชน รวมทั้งต้องมีการประมาณการค่าใช้จ่ายในการชดเชยให้ชัดเจน
๔. กรุงเทพมหานคร มีงบประมาณที่จำกัดที่ต้องใช้ในการพัฒนาตามภารกิจด้านต่าง ๆซึ่งหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานครในการชดเชยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อดำเนินตามมาตรการที่กระทรวงคมนาคมเสนอ อาจทำให้กรุงเทพมหานครมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะนำมาพัฒนาภารกิจอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครและต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวร้อง ดังนั้น การชดเชยดังกล่าวจึงควรที่รัฐบาลต้องเป็นผู้ชดเชยค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจาก กทม.ได้แสดงความห่วงใยต่อ นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยังพบว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านกฎหมาย การเงินการคลัง อาทิ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา เสนอความเห็นในทำนองเดียวกัน ถึงความห่วงใย การใช้งบประมาณแผ่นดินนำไปชดเชยรายได้ให้กับเอกชน โดยเน้นย้ำให้คำนึงเรื่องวินัยการเงินการคลัง พร้อมกับเสนอด้วยว่า ควรนำมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พิจารณาควบคู่ไปกับพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่จะมีการนำมาบังคับใช้ ภายในปี 2568