
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่จ.สุรินทร์-ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี นำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พร้อมฝากให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย ดูแลสุขภาพ ตามที่ผู้บัญชาการทหารบกเน้นย้ำ เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าฝน พร้อมขอให้ผู้บังคับบัญชาดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลด้วย
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นการสร้างรั้วแนวปราสาทตาเมือนธม ว่า ต้องทำความเข้าใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายในเรื่องของเขตแดนให้ตรงกัน เพราะถ้าสร้างอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ ถ้ายังไม่ได้ทำความเข้าใจกัน จึงต้องให้ระดับสูงพูดคุยกันก่อน จนเกิดความเข้าใจกัน หากจะสร้างโดยทันที อาจเกิดความขัดแย้งได้
ขณะนี้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้พูดคุยกันมาตลอด โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดความไม่เข้าใจกันก็ต้องพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้นำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งบางครั้งเกิดความไม่เข้าใจกันเรื่องเส้นทางลาดตระเวน หรือทหารเปลี่ยนผลัดใหม่ ก็ต้องทำความเข้าใจ จนทุกวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยระดับกองพัน กองร้อย ของทั้งสองฝ่าย ก็ประสานพูดคุยกันจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ขณะนี้รอสัญญาณความพร้อมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาคหรือ RBC ไทย-กัมพูชา จากผู้นำทางฝ่ายกัมพูชา เพราะในส่วนของไทย โดยเฉพาะตนในฐานะประธาน RBC มีความพร้อมทุกวัน
"เรารอแค่ทางกัมพูชาเป็นหลัก หากแจ้งกลับมาพรุ่งนี้ก็พร้อม หรือวันนี้ก็พร้อม เพราะเป็นประธานเอง ไม่ยากอะไร"
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาลาดตระเวน และมีการประชาสัมพันธ์เรื่องกระแสรักชาติ ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และทางไทยเองก็เชิญชวนให้ประชาชนมาเที่ยวชมปราสาทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีหลายปราสาท ตั้งแต่ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ โดยยืนยันว่า 3 ปราสาท และ 1 พื้นที่ที่เป็นประเด็น คนไทยสามารถมาได้ทั้งหมด เพราะเป็นเขตของไทยอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันมาท่องเที่ยวปราสาท ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้นานแล้ว โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม รวมถึงปราสาทที่อยู่ใกล้เคียง ก็สามารถมาเที่ยวชมกันได้
ส่วนกรณีที่จะครบวาระเกษียณราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา เพราะเชื่อมั่นผู้บังคับบัญชาที่จะคัดเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นแม่ทัพ 2 คนต่อไป จึงไม่เป็นห่วง
สำหรับนโยบายปราบปรามคอลเซนเตอร์-สแกมเมอร์ จะส่งผลเพิ่มความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายรัฐบาล และความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แต่ปัจจุบันปัญหานี้ลดไปได้มาก หมายเลขโทรศัพท์ แปลกปลอมลดลง มีความเข้มงวด ในมาตรการเข้า-ออกด่าน และขอย้ำว่า กำลังตามแนวชายแดนก็ตอบสนองนโยบายรัฐบาล โดย ผบ.ทบ. รับนโยบายจากกระทรวงกลาโหม และหน่วยในพื้นที่พร้อมปฏิบัติตาม หากเป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย
“ประเด็นเสถียรของภาพรัฐบาล ผมไม่กังวล เพราะทหารทำหน้าที่อยู่แล้ว และต้องดูแลความมั่นคงของประเทศ ส่วนการเมืองก็ต้องแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย ในส่วนของทหารพร้อมทำงาน แม้ว่าจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นใคร และขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายชัดเจน และทำเพื่อประเทศชาติ ซึ่งทหารก็พร้อมจะตอบสนองอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ช่องบก เมื่อ 28 พฤษภาคม 2568 จนถึงวันนี้ สถานการณ์ดีขึ้น โดยมีการปรับกำลังที่ช่องบก รวมถึงมีมาตรการด่าน เป็นการเสริมการทำงาน ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่จะดีขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้นำกัมพูชา ว่าจะทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นได้หรือไม่ เพราะฝ่ายไทยไม่มีปัญหา โดยเฉพาะในประเด็น 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ ที่กัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทหารก็จะควบคุมพื้นที่อยู่เช่นเดิม
ส่วนจะมีประเด็นอะไรฝากถึงสมเด็จฮุนเซน และ นายฮุนมาเนต หรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า อยากให้ดูแลสุขภาพ และยังต้องการให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ แก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา
ส่วนกรณีที่กองทัพไทยขอการสนับสนุนกระสุนจาก “จัสแม็ก” จนมีการวิเคราะห์กันว่า ไทยมีกระสุนไม่เพียงพอ พล.ท.บุญสิน บอกว่า ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง แต่มีการให้ข่าวที่ค่อนข้างคลาดเคลื่อน ยืนยันว่า ทุกวันนี้มีเพียงพออยู่แล้ว พร้อมที่จะปกป้องประเทศชาติ และย้ำว่าไทยมีกระสุนเต็มแม็ก
ส่วนกรณีนัดพบพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชานั้น แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต มีการนัดพบกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อเจรจาสัปดาห์ละ 3 วัน โดยปราศจากอาวุธ ประกอบด้วยวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ทุกวันนี้ยังมีการนัดพบกันอยู่ ปัจจุบันสถานการณ์มีความคลี่คลายไปในเชิงบวกในทุกจุดของชายแดน โดยทหารในพื้นที่ไม่ต้องการปะทะหรือสู้รบ แต่ขึ้นอยู่กับผู้นำรัฐบาลที่ต้องไปพูดคุยกัน และส่งสัญญาณลงมาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร โดยภายหลังจากการประชุม RBC จะมีการปรับตามหลังหรือถอนกำลัง หรือจะมีการเปิดด่านก็ให้เป็นไปตามขั้นตอน และในฐานะที่เป็นเพื่อนกับ ผบ.ทบ. ก็ทำให้การประสานงานไร้รอยต่อ เพราะพูดคุยกันตลอด
ส่วนพื้นที่แนวต้นพญาสัตบรรณ ก็ยังมีการดูแลอยู่ และเป็นจุดที่นัดเจอกันละแวกนั้น ซึ่งมีการปักปันเขตแดนเสร็จแล้ว แต่มีการอ้างอิงแผนที่คนละฉบับ จึงอาจมีเหลื่อมกันบ้าง โดยภูมิประเทศกับแผนที่อาจจะเพี้ยนกันนิดนึง แต่ก็เอาโซนนั้นมาคุยกัน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
เมื่อถามว่าจะมีการริเริ่มสร้างศาลาตรีมุขเวอร์ชั่น 2 หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอสถานการณ์ดีขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น ก็จะมีการพัฒนา แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจมีการปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล
ในช่วงท้าย พล.ท.บุญสิน ยังยืนยันว่า หากเกิดสถานการณ์ขึ้น เรื่องจะจบภายใน 3 วัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ซึ่งหลายๆ อย่าง ขึ้นอยู่กับปัจจัยบอกเหตุ และความเตรียมพร้อมจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่เราไม่อยากพูดถึงส่วนนั้น เพราะไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง แต่ช่วงนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และมั่นใจว่าปัญหาจะจบก่อนตนเกษียณ