“กัมพูชา” ตัวจริงศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก ปิดด่านปุ๊บ คดีลดฮวบ!

30 มิถุนายน 2568 เป็นประเด็นสืบเนื่องจากปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกัมพูชา จนนำมาสู่การดำเนินมาตรการที่เข้มข้นของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการคุมเข้มบริเวณชายแดน โดยเฉพาะการปิดด่าน และตัดน้ำไฟ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งกัมพูชา โดยอ้างอิงข้อกล่าวหาของยูเอ็น และของไทย ที่มีข้อมูลตรงกันว่า กัมพูชาคือ “ศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก” ไม่ได้เกินจริง

ทั้งนี้เมื่อดูจำนวนคดีหลอกลวงออนไลน์ที่รับแจ้งความจะเห็นว่า ตัวเลขคดีสูงมาก เดือนละ 3-4 หมื่นคดี แต่เมื่อรัฐบาลใช้มาตรการ 3 ตัด เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีที่ผ่านมา ยอดคดีก็ลดลง

แต่อยู่ไปอยู่มา ยอดคดีเริ่มดีดกลับ เรียกว่าร้ายแรงกว่าเดิมในเดือนพฤษภาคม กระทั่งไทยมีประเด็นพิพาทตามแนวชายแดนกับกัมพูชา จึงมีมาตรการปิดด่าน สกรีนคนเข้า-ออกอย่างเข้มข้น ปรากฏว่า ยอดคดีหลอกลวงออนไลน์ลดลงทันที ทำให้เห็นชัดว่า กัมพูชาคือ “ศูนย์กลางสแกมเมอร์” ตัวจริง



 

กสทช.ไฟเขียว 8  กฎเหล็กสู้อาชญากรรมออนไลน์
 

ขณะที่วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ประชุม บอร์ด กสทช. มีมติเห็นชอบ มาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่แก้ไขใหม่ หรือ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยพล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฏหมาย เปิดเผยว่า กสทช.อนุมัติ 8 มาตรการสำคัญ เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพ 

 

ซึ่ง 3 มาตรการสำคัญที่ใกล้ตัวประชาชน มีดังนี้

1. ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องตรวจสอบคัดกรองผู้ใช้บริการที่มีลักษณะที่ผิดปกติ เพื่อพิจารณาระงับการใช้ทันที โดยพิจารณาจากปัจจัย ดังนี้

 -  จำนวนครั้งที่โทรออก

 - พื้นที่การโทร

 - ข้อมูลลูกค้า

 -  อุปกรณ์ที่ใช้ในการโทรออก เช่น SIM BOX

**โดยสำนักงาน กสทช. ร่วมกับผู้ให้บริการเป็นผู้พิจารณากำหนดเงื่อนไขการคัดกรองดังกล่าว โดยเฉพาะ SIM BOX ถ้าไม่ได้ลงทะเบียนภายในเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถเชื่อมสัญญาณได้ ต้องถูกนำออกจากระบบ เป็นเศษเหล็กทันที 

2. ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องระงับบริการ นับแต่วันที่ผู้ให้บริการได้รับการแจ้งจากสำนักงาน กสทช. ว่า บริการดังกล่าวได้รับการแจ้งว่าต้องสงสัย แบ่งกรอบเวลาได้ดังนี้

- บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผู้ให้บริการจะต้องระงับการให้บริการทันที ภายใน 24 ชั่วโมง

- บริการโทรคมนาคมอื่น ใระงับการให้บริการ ภายใน 3 วัน

3. ผู้ให้บริการต้องจัดให้มีการลงทะเบียนและการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และตรวจสอบความถูกต้องภายใน 7 วัน รวมทั้งตรวจสอบปรับปรุงข้อมูลเดิมให้ถูกต้องครบถ้วน ดังนี้

- กรณีลงทะเบียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ผู้ให้บริการมีหน้าที่ตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน

- กรณีลงทะเบียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ก่อนปี 2567 ผู้ให้บริการมีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

มาตรการนี้ถือเป็นการ “คลีนซิ่ง” เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเบอร์มือถือใหม่ทั้งหมด เพราะยังคงมีเบอร์ที่ไม่รู้ที่มาอีกหลายแสนเบอร์ ทั้งๆ ที่ีเคยคลีนออกจากระบบไปแล้วนับล้านเบอร์


นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่เหลือ ซึ่งประกอบด้วย

4. บริการการส่ง SMS แบบ Application-to-Person (A2P) หรือการส่งข้อความจากแอปพลิเคชันถึงบุคคลทั่วไปต้องลงทะเบียนผู้ส่ง (Sender Name) กับผู้ให้บริการก่อนส่งข้อความ กรณีการส่งข้อความที่แนบลิงก์  ผู้ให้บริการต้องตรวจสอบความถูกต้องของลิงก์ที่ใช้แนบทุกครั้งก่อนส่งข้อความสั้นไปยังผู้รับบริการ

5. ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องจำกัดการลงทะเบียนผู้ใช้บริการเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุคคลต่างชาติไม่เกิน 3 เลขหมาย/คน/ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกำหนดให้ใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ในการยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนผู้ใช้บริการเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่

6. ผู้ให้บริการมีหน้าที่ ต้องจำกัดระยะเวลาการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือ Tourist SIM ไม่เกิน 60 วัน โดยไม่สามารถเติมเงินเพื่อขยายระยะเวลาการใช้งานได้ และกรณีผู้ใช้บริการประสงค์ใช้งาน Tourist SIM ต่อเนื่อง ภายหลังครบกำหนดระยะเวลาใช้งาน จะต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการอีกครั้งหนึ่งก่อน จึงจะขยายระยะเวลาการใช้งานได้

7. ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ต้องห้ามมิให้เครื่องวิทยุคมนาคมลูกข่ายในโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทซิมบ๊อกซ์ (SIM BOX) หรือประเภทเกตเวย์ (Gateway) ที่รองรับจำนวนซิม (SIM) ตั้งแต่ 4 ซิมขึ้นไปและไม่ได้รับการลงทะเบียนใช้งานกับสำนักงาน กสทช. เชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมของผู้ให้บริการ และ

8. ผู้ให้บริการต้องเติมเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แจ้งเตือนผู้ใช้บริการทราบถึงทราฟฟิกที่รับจากต่างประเทศ และมีระบบปฏิเสธไม่รับสายจากต่างประเทศ อาทิ การเติม +697 +698 หน้าเลขหมายที่มาจากต่างประเทศ