
29 มิถุนายน 2568 เป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย กรณีเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หากจำกันได้จะมีคดีเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของนักการเมืองคนดังระดับ “เลขาธิการพรรคการเมือง” โดนศาลพิพากษายืนทั้ง 3 ศาล สั่งให้จ่ายหนี้นักธุรกิจเมืองอุดรธานี หลังโทรยืม 2 ล้านบาท ให้อดีตเเฟนสาวใช้ประกันตัว “หนุ่มคนสนิท” ในคดีนำเข้ารถหรูผิดกฎหมาย เเล้วจ่ายคืนไม่ครบ
คดีเมื่อเดือนพฤษภาฯ เป็นคดีเเพ่ง คุณสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล หรือ “เสี่ยต้อยติ่ง” นักธุรกิจชื่อดังชาวอุดรธานี ยื่นฟ้อง สส.คนดัง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำเเหน่งเลขาธิการพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง กับดารานางร้ายชื่อก้อง เป็นจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานผิดสัญญาทางแพ่ง (พูดง่ายๆ คือ ยืมเงินแล้วไม่จ่ายคืน )
ปรากฏว่า สส.คนดัง และอดีตแฟนซึ่งเป็นดาราสาว แพ้ ทั้ง 3 ศาล โดยศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ที่ยังคงค้าง 550,000 บาท (จากที่ยืมไป 2 ล้านบาท)
ล่าสุดมีคดีใหม่อีกคดี / โจทก์เป็นคนเดิม คือ “เสี่ยต้อยติ่ง” ยื่นฟ้อง สส.คนเดิม กับอดีตแฟนสาวคนเดิมเหมือนกัน โดยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ศาลเดิมด้วย
พฤติการณ์ที่นำมาสู่การฟ้อง คือ จำเลยที่ 1 ปัจจุบันมีดีกรีเป็น สส. และเป็นเลขาธิการพรรคการเมือง ไปชักชวนโจทก์ คือ “เสี่ยต้อยติ่ง” ให้นำเงินมาลงทุน ในลักษณะกู้ยืม โดยผู้กู้ตัวจริง เป็นบุคคลที่ 3 และเมื่อให้กู้แล้ว จะได้รับดอกเบี้ยตอบแทน
โดยบุคคลที่ 3 นำรถปอร์เช่สีขาวมาค้ำประกันหนี้ไว้ พร้อมสั่งจ่ายเช็คคืนล่วงหน้า แต่จำเลย คือ สส.คนดัง จะเป็นผู้เก็บรักษารถไว้เอง โดยจะส่งมอบเฉพาะสมุดคู่มือจดทะเบียนให้กับ “เสี่ยต้อยติ่ง”
ปรากฏว่า เสี่ยหลงเชื่อ ก็เลยโอนเงินให้ไป โดยโอนเข้าบัญชีของอดีตแฟนของจำเลย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นคู่รักกันอยู่ มีหลักฐานการโอน และเลขบัญชี ชื่อบัญชีชัดเจน
แต่เมื่อโอนเงินไปแล้ว สส.คนดังก็ไม่เคยนำสมุดคู่มือจดทะเบียนมารถวางค้ำประกันไว้จริงตามที่อ้าง เหตุเกิดเมื่อปี 2560 ขณะนั้น จำเลยไม่ได้เป็น สส. แต่ยังเป็นคู่รักกับแฟนสาว
“เสี่ยต้อยติ่ง” ตามทวงหลายครั้ง แต่จำเลยก็ไม่ยอมชำระนี้ สุดท้ายมอบให้ทนายความมีหนังสือทวงถาม และส่งไปรษณีย์ไปที่ภูมิลำเนาของทั้งสองคน
ปรากฏว่า “ผู้รับปฏิเสธการรับ” งานนี้ เสี่ยจึงไม่มีทางออก ต้องฟ้องศาล ขอบารมีศาลบังคับให้ทั้งสองคนคืนเงิน
มีประเด็นน่าคิดต่อไปว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นนักการเมืองคนดัง เป็น สส. และเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองด้วย เมื่อโดนคดี “เบี้ยวหนี้” และโดนฟ้องใหม่ ทวงหนี้แบบนี้ จะต้องหลุดจากการเป็น สส.หรือไม่
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า การถูกดำเนินคดีแพ่ง ไม่ขัดกับคุณสมบัติของ สส.ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แต่ปัญหาคือ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เรื่องนี้ฟันธงไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้กว้าง และวินิจฉัยยาก และศาลฎีกายังไม่เคยวางแนววินิจฉัยเอาไว้
ส่วนการมีคดีความที่กระทบกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง สส.ทันที คือ โดนโทษจำคุกในคดีอาญา ยกเว้นความผิดลหุโทษ และความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือเป็นบุคคลล้มละลาย