"แบนน้ำมันไทย" ราคาน้ำมันในกัมพูชาพุ่ง ตระกูลฮุนรวย?

23 มิถุนายน 2568 กรณี "ผู้นำกัมพูชา" สั่งยกเลิกการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทย โดยเฉพาะจาก ปตท. หรือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR (บริษัทลูกของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าไปลงทุนตั้งสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชาถึง 186 แห่งในกรุงพนมเปญ-เสียมเรียบ และเส้นทางสายหลักของกัมพูชาในปัจจุบันนั้น 

 

 

 

 

สิ่งที่คาดการณ์ได้แน่นอน คือ ราคาขายปลีกน้ำมันในกัมพูชาระยะต่อไป

 

"จะพุ่งสูงขึ้นแน่นอน" เพราะแม้ "กัมพูชา" จะหันไปซื้้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นในราคาใกล้เคียงกัน แต่ต้อง "บวกค่าขนส่งที่แพงกว่า"

นอกจากเรื่องระยะทางแล้ว ยังเป็นเรื่่องโลจิสติกส์ด้วย เนื่องจาก OR วางสายการขนส่งเอาไว้แล้ว เนื่องจากมีสถานีบริการน้ำมันถึง 186 แห่งในกัมพูชา "ต้นทุนจึงต่ำกว่า" ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นมาก

 

 

แต่ประเด็นที่น่าพิจารณาก็คือ สถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงทำให้ชาวกัมพูชาได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักนี้ เหตุใดผู้นำประเทศของพวกเขาจึงกล้าตัดสินใจแบบนั้น หรือว่ามีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงทับซ้อนกันแน่ 

 

จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า "กัมพูชา" มีบริษัทน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ที่สุด คือ กัมพูเจีย เตล่า (Kampuchea Tela) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1993

โดย "ออกญา ชุน ออน" ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายสำคัญของกัมพูชา และเป็นซีอีโอของ "กัมพูเจีย เตล่า"

มีข้อมูลระบุว่า "ภรรยาและลูกสาวของ สมเด็จฮุนเซน" เคยถือหุ้นใน กัมพูเจีย เตล่า รวมแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

แต่ปัจจุบันแจ้งว่าไม่ได้ถือหุ้นแล้ว

ทว่าแวดวงธุรกิจและการเมืองกัมพูชาก็ เชื่อกันว่า ตระกูลฮุน่นาจะใช้ "นอมินี" ถือหุ้นแทนอยู่

 

 

 

 

 

 

 

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่การกำหนดราคาน้ำมันนั้น ราคาหน้าปั๊มจะเปลี่ยนแปลงไปตาม MOPS หรือ "ราคาอ้างอิงน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์" ทุกๆ 10 วัน ซึ่งตัวเลขราคานี้ ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา

 

 

การสั่งแบน หรือ ยกเลิกการน้ำมันเข้าน้ำมันจากไทย จะทำให้ราคาน้ำมันที่กัมพูชานำเข้าจากแหล่งอื่นสูงขึ้น เพราะต้องสั่งซื้อจาก "สิงคโปร์-เวียดนาม-มาเลเซีย"

 

เมื่อราคานำเข้าน้ำมันสูงขึ้น รัฐบาลก็จะสามารถกำหนด premium ใหม่ได้ (ราคาที่สูงกว่าราคากลางที่ใช้อ้างอิง) โดยเป็นสูตรคำนวณตามราคา MOPS ++ 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้ หากรัฐบาลกัมพูชาอนุญาตให้ขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊ม ผู้ค้าน้ำมันในกัมพูชาก็จะได้ประโยชน์ ซึ่งผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่คือ "กัมพูเจีย เตล่า" ซึ่งเชื่อกันว่ามีบุคคลใน "ตระกูลฮุน" ถือหุ้นอยู่นั่นเอง