ลุ้นเหนื่อยปรับ ครม. ตั้งตารอ..นายกฯอิ๊งค์! พ่อลูกงัดข้อกัน

15 มิถุนายน 2568 ปมร้อนการเมืองที่นาทีนี้ คอการเมืองต่างเฝ้าจับตาคือ การ "ปรับครม." ที่โผยังคงไม่นิ่งมีการโหมกระแสรายวัน จนสุดท้ายทำว่า "ไม่เป็นประโยชน์ทางการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว แถมยังสร้างเสียงบ่นดังกระหึ่ม ทั้งในสังคมการเมือง และภายในพรรคเพื่อไทยเอง"

สาเหตุที่ตรวจสอบจากแหล่งข่าวหลายสาย และได้ข้อมูลตรงกันทุกสาย ก็คือ
 

“คุณพ่อกับคุณลูก” เห็นไม่ตรงกัน
 

“คุณพ่อ” อยากให้ปรับเร็ว และแรง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง โดยเฉพาะการริบกระทรวงเกรด A ที่สำคัญอย่างกระทรวงมหาดไทย ไม่ต้องเกรงใจอะไรกันมากมายนัก เพราะมั่นใจว่าถึงอย่างไรก็ไม่กล้าถอนตัว

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ น่าจะริบเก้าอี้ 1 รัฐมนตรีว่าการ จากฝ่าย “หัวหน้าพี + เลขาฯขิง” เนื่องจาก สส.ถูกแบ่งเป็น 2 ซีก ซีกละ 18 คน โควตารัฐมนตรีฝั่งนี้จึงต้องลดลง และเป้าของคุณพ่อ คือ “เลขาฯขิง” เนื่องจาก “หัวหน้าพี” นั้น “คุณพ่อ” ยังคุยได้ และได้รับความร่วมมือที่ดี

แต่ “คุณลูก” ไม่เห็นด้วย โดยในแง่ปรับเร็วและแรง คุณลูกกลัวจะกระทบเสถียรภาพรัฐบาล และมั่นใจว่าตัวเองยัง “เอาอยู่” อยากจะประคองสถานการณ์ไปแบบนี้ พิสูจน์ฝีมือ และความเชื่อมั่น (ส่วนฝ่ายคุณพ่อ และกลุ่มคนในพรรคที่เก๋าเกม มองว่า เสียเหลี่ยม หลงคำหวานของใครบางคนเข้าแล้วหรือไม่)

ขณะที่กรณีของพรรครวมไทยสร้างชาติ คุณลูกมองว่า “เลขาฯขิง” ทำงานดี มีผลงานต่อเนื่อง จึงไม่อยากปรับออก


ด้วยเหตุนี้ ภาพรวมสถานการณ์จึงอยู่ในแนวทาง “ดึงๆ กันอยู่” ส่งผลให้บรรดากองเชียร์ขัดใจ เนื่องจาก
 

 - ล่าช้าจนเสียจังหวะไปหมด

 - จากที่เคยได้เปรียบ กลายเป็นเสียเปรียบ

 - จากที่มีแต้มต่อ กลายเป้นถูกท้าทาย ต่อรอง

 - จากที่เคยเป็นความหวังของกองเชียร์ กลายเป็นเฉยๆ บางคนถึงขั้นสิ้นหวัง
 

ข่าวว่ากระแสความอึดอัดระบาดไปทั่ว แม้แต่ในพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นต่อคิวซื้อตั๋วเครื่องบิน เดินทางไปต่างแดนแถวๆ มาเก๊า เพื่อจับเข่าคุย “อดีตนายกฯ นอกประเทศ” ซึ่งมีข่าวว่า ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความล่าช้าของการปรับ ครม.เช่นกัน

 

ภท.เปิดเกม “วัดใจ” เป็นฝ่ายค้าน VS รัฐบาลจบ
 

การเสียจังหวะเรื่อง “ปรับ ครม.” มีข่าวว่าเป็นเพราะนายกฯ แพทองธาร ยังไม่ได้คุยกับ “อาหนู” โดยเฉพาะเรื่องการขอคืน “กระทรวงมหาดไทย”
 

 - “อาหนู” เล่นเป็น เดินสายต่างประเทศต่อด้วยเดินสายต่างจังหวัด ไม่มีจังหวะว่างให้แทรกคุย
 

 - นายกฯ แพทองธาร รับหน้าที่ไปคุยเอง ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” มีอำนาจเต็ม
 

 - ไม่ต้องการให้ “ผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย” ไปคุย เกรงว่าจะมีภาพหรือเสียงหลุด โดนร้องครอบงำ ยุบพรรคได้ทันที
 

เมื่อเกิดอาการ “เสียจังหวะ” ทำให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งทีแรกมีข่าวว่า “หนูยอมแล้ว” หรือ “หนูจำยอม” เปลี่ยนเกม เหมือนได้ “ดีหมีจากสวรรค์” หันมาร้องเพลง “หนูไม่ยอม” เพลงเก่าเพลงเดิม 

 

แต่งานนี้ เดินเครื่องเพิ่มเติม โดยมี “ครูใหญ่เนวิน” ออกมาผสมโรงด้วย
 

 - เริ่มจากโพสต์ของ “ครูใหญ่เนวิน” โหนกระแสรักชาติ แต่ใช้คำกำกวม “เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว” เป็นโพสต์ที่พิมพ์เพิ่มนอกเหนือจากแบนเนอร์ “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ทำให้เกิดคำถามว่า ต้องการสื่อถึงเรื่องใดแน่

 - นับจากวันนั้น “อาหนู” ก็เสียงเปลี่ยน ท่าทีเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง เล่นบท “หนูไม่ยอม” แถมยืนกระต่ายขาเดียว อ้างเป็นข้อตกลงตั้งแต่ตั้งรัฐบาล

 - ล่าสุดเดิมพันถึงขั้น ถ้าโดนริบมหาดไทย พร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน

 - โปรดสังเกต คำๆ นี้ “พร้อมเป็นฝ่ายค้าน” ถูกปล่อยออกมาเกือบจะพร้อมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ส่ง คุณวิทยา แก้วภราดัย มือขวาหัวหน้าพรรค ออกมาบอกว่า ถ้าโดนริบเก้าอี้ รมว.พลังงาน กับ รมว.อุตสาหกรรม ของ “หัวหน้าพี+เลขาฯขิง” ก็พร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน

 - ฉะนั้นถ้า 2 พรรคนี้ ออกจากการร่วมรัฐบาล จะมี สส.รวมกันถึง 105 เสียง แม้จะต้องลบ 18 เสียง ซึ่งเป็นฝั่ง “นายทุน” ไม่เอาหัวหน้าพรรค เสียงก็จะหายไปถึง 87 เสียง ถือว่าสุ่มเสี่ยงมากสำหรับรัฐบาล เพราะกำลังจะผลักดันกฎหมายสำคัญอีกหลายฉบับ และรัฐบาลชินวัตร ไม่ถนัดเกมสภาที่มีเสียงปริ่มน้ำ (ไม่เหมือนประชาธิปัตย์)

 - ลองเอาตัวเลข 319 หรือ 320 เสียง ซึ่งเป็นคะแนนโหวตไว้วางใจนายกฯอิ๊งค์ ลบด้วย 87 จะเหลือแค่ 233 แถมภูมิใจไทยยังเล่นดึงกลุ่มมะขามหวาน และไทยสร้างไทย ตัดหน้าไปอีก ทำให้เสียง “งูเห่า” หายไปจากกระดานเพื่อไทย (หรือกล้าธรรม)

 -  ระหว่างทางของ “เกมวัดใจ” มีการเปิดตัว ปล่อยข่าว “ดูด สส.กลุ่มมะขามหวาน” 6 คน เข้าร่วมพรรค ตามด้วย “2 สส.ไทยสร้างไทย” ที่อุดรธานี วันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย.

แม้การดูด สส.ฝ่ายค้าน จะไม่ได้ทำให้แต้มต่อในการร่วมรัฐบาลมีมากขึ้น แต่ภูมิใจไทยส่งสัญญาณ “วัดใจ” เพราะเชื่อว่า ปรับ ครม.แบบ “ริบมหาดไทย” คือการนับถอยหลังยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ซึ่งภูมิใจไทยมีแนวโน้มได้ สส.เพิ่ม จากการดูด “มะขามหวาน” และ “ไทยสร้างไทยอุดรฯ” รวม สส.ปัจจุบัน มากถึง 77 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าไม่น้อย
 

เจาะ 3 ข่าว ภท.ถอนตัวหรือแค่กลัวตกเก้าอี้
 

สถานการณ์การเมือง จากการปรับ ครม. กลายเป็น “ฝุ่นตลบ” เต็มไปด้วยข่าวลือ
 

1.ข่าวว่าภูมิใจไทยพร้อมไปเป็นฝ่ายค้านจริงๆ เพราะมั่นใจว่า ปรับ ครม.แบบนี้ เพื่อไทยอยู่ได้ไม่นาน

ที่สำคัญมี “สัญญาณ ดีหมีจากสวรรค์” แนวๆ ล้มกระดาน เปลี่ยนนายกฯ โดยใช้ “นิติสงคราม” เปลี่ยนเกม
 

ถ้าข่าวนี้จริง สัปดาห์หน้าจะมีการปรับ ครม. ริบมหาดไทย และอาจเขี่ยภูมิใจไทยพ้นรัฐบาล หรือไม่เขี่ย แต่ให้ภูมิใจไทยถอนตัวออกไปเอง (ถ้าเป็นแบบนั้น จะมีการเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ 2 รอบ)

ข่าวนี้ลือกันแรงในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะในเพื่อไทย มีการวิ่งเต้นขอเก้าอี้รัฐมนตรี เนื่องจากเก้าอี้จะว่างอีกถึง 8 ที่นั่ง จากโควต้าของภูมิใจไทย

2.ข่าวว่าภูมิใจไทยแค่ขู่ สุดท้ายจะกลายเป็น “ฝ่ายค้านในรัฐบาล”

“นายใหญ่” และ “กูรูการเมือง” นอกพรรคเพื่อไทย ประเมินตรงกันว่า ไม่มีทางที่ภูมิใจไทยจะยอมเป็นฝ่ายค้าน

เพราะปัจจุบัน “แผลการเมือง” ก็เยอะอยู่แล้ว โดยเฉพาะคดียุบพรรค คดีฮั้ว สว. ที่รอคิวหมายเรียกส่งถึง “ระดับแกนนำพรรค” และ “แกนนำเหนือพรรค” ขณะที่ปมปัญหา “ที่ดินรีสอร์ทหรูเขาใหญ่” ก็ถูกปูดมาเล่นอีกรอบ ถ้าไม่มีอำนาจรัฐ ต้องบอกว่า “ตายแน่ๆ”

เชื่อว่าสุดท้ายปัญหาจะจบที่โต๊ะเจรจา ยอมๆ ไปก่อน แล้วหาจังหวะเอาคืนในอนาคต

โดยจังหวะแรก คือ 9 ก.ค. เปิดสมัยประชุมสภา ที่จะมีการดันร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสู่วาระการพิจาณาของสภาวาระแรก เพื่อให้ “รับหลักการ” เอาไว้ก่อน ซึ่งน่าจะได้เวลา “ขอคืน”

**ข่าวนี้มีข้อมูลเพิ่มว่า แกนนำระดับสูงสุดของพรรคภูมิใจไทย นัด สส.หารือกันวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง โดยเลื่อนจากนัดหมายเดิมวันอาทิตย์ ที่เขาใหญ่ คาดว่าจะมีการกำหนดท่าทีเรื่องปรับ ครม. และอาจวางแผนประกาศ “หนูไม่ยอม พร้อมเป็นฝ่ายค้าน” กันเลยหรือไม่

มีข่าวด้วยว่า วันอาทิตย์​ นายกฯ แพทองธาร มีนัดสำคัญ อาจเป็นนัดหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแจ้งเรื่องปรับครม.หรือไม่ ทำให้ แกนนำระดับสูงของภูมิใจไทย ต้องขยับนัด จากวันอาทิตย์เป็นวันจันทร์ 

3.ข่าวว่าจะไม่ปรับ ครม.เลย เนื่องจาก “คุณลูกไม่ยอม”

ข่าวนี้มีลืออยู่เหมือนกัน แต่วงในเพื่อไทยบอกว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร “คุณพ่อก็ไม่ยอม”

เนื่องจากงานนี้ถ้ายอม ปล่อยเฉย ก็เสียรังวัดทางการเมือง และจะถูกพรรคน้ำเงินขี่คอเหมือน “รัฐบาลลุง”