10 มิถุนายน 2568 วาระร้อนการเมืองที่คนกลับมาพูดถึง หลังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่อนคลายลง คือการปรับ “ครม.อุ๊งอิ๊ง 2” ที่ก่อนหน้านี้มีปมร้อนคือ แนวคิดทวงคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ เสี่ยหนู นั่งเก้าอี้เจ้ากระทรวง จากปากของ นายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร”
เรื่องนี้เดิมกระแสเหมือนจะเคลียร์กันจบแล้ว แต่จากล่าสุดท่าทีของนายอนุทิน เพราะเมื่อถอดรหัสคำให้สัมภาษณ์ล่าสุด ที่ภาษาวัยรุ่นเรียก “กร้าว ห้าวเป้ง”
- มีนายคนเดียว ฟังคนเดียว คือ นายกฯแพทองธาร
- เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อไทยมาเชิญเอง ไม่ได้วิ่งไปขอร่วม (ปฏิญญาช็อกมินต์)
- เรื่องตำแหน่ง กระทรวง โดยเฉพาะมหาดไทย เป็นข้อตกลงเดิม เปลี่ยนไม่ได้ (นัย คือ ไม่คืนมหาดไทย)
- การเจรจาตอนตั้งรัฐบาล ได้คุยตกลงกันแล้ว และต้องยึดตามนั้น (ย้อนผู้จัดการรัฐบาล ภูมิธรรม)
- โชว์ทำงานเร็ว ลงพื้นที่ชายแดนก่อนนายกฯ ลงไปได้น้ำได้เนื้อกว่ารองนายกฯ และเข้าถึงชาวบ้าน ลุยงานปาดเหงื่อ
จากคำพูดเหล่านี้ ถอดรหัสออกมาเป็นนัยยะว่า
จึงต้องนั่งมหาดไทยต่อ
ศอกกลับ “ทักษิณ” แบบนิ่มๆ ที่เคยพูดว่า งานมหาดไทยมัวแต่เต้นฟุตเวิร์ค
สำหรับเหตุผลสำคัญที่พรรคภูมิใจไทย และ นายอนุทิน จะเสียเก้าอี้กระทรวงคลองหลอดไม่ได้นั้น หากวิเคราะห์จะพบว่า
- โยกย้ายใหญ่รอบนี้ (ตุลาฯ) ถ้าดึงเก้าอี้ มท.1 ไว้ไม่ได้ จะถูกทำลายโครงสร้างและเครือข่ายข้าราชการที่วางไว้ เพราะเพื่อไทยจะมีเวลาพอสำหรับโยกย้ายใหญ่อีก 2 รอบก่อนเลือกตั้ง ฉะนั้นดึงให้ผ่านโยกย้ายวาระปี 68 ไปก่อนก็ยังดี
- การนั่งเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ช่วงใกล้เลือกตั้ง ถือว่าอำนาจเต็ม และส่งผลบวกกับการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก
- สกัดคดีฮั้ว สว.ได้ โดยเฉพาะหลักฐานต่างๆ จากข้าราชการฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แม้แต่เรื่องส่งหมายเรียก / หนังสือแจ้งข้อกล่าวหา ก็ต้องประสานผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
- กระทรวงมหาดไทยยังมีกรมที่ดิน ป้องกันประเด็น “ที่ดินเขากระโดง” ได้ง่าย และยังเล่นงานกลับกรณี “ที่ดินอัลไพน์” ได้อีกด้วย
ถ้าเสียมหาดไทย อำนาจเหล่านี้จะไปอยู่ในมือเพื่อไทยแทน
30 พ.ค. - อดีตนายกฯทักษิณ พูดชัด เพื่อไทยขอมหาดไทยคืน
ช่วงหยุดยาว 1-3 มิ.ย. - มีข่าวภูมิใจไทยยอมแล้ว ไม่ถอนตัว แต่ตั้งแง่ขอล้างไพ่ แบ่งกระทรวงกันใหม่
4-5 มิ.ย. - มีข่าว “หนูจำยอม” ขอไป ศธ. พาณิชย์ หรือพลังงาน
พาณิชย์น่าจะเป็นข่าวปล่อย เพราะนาทีนี้ไม่มีใครอยากไปนั่ง มีแต่ข่าวร้าย
5 มิ.ย. - ณฐพร โตประยูร มือยื่นยุบภูมิใจไทย ยื่นร้องฮั้ว สว.โยงพรรคน้ำเงิน เดินเข้าคุก หลังศาลไม่ให้ประกัน
"เสี่ยหนู" โพสต์แรง ใช้คำ “ขึ้นธรรมาสน์ต้องล้างเท้า…” จนเป็นที่ฮือฮา
นี่คือจุดพลิกสถานการณ์หรือไม่
6 มิ.ย. - “เสี่ยหนู” ให้สัมภาษณ์จากเจนีวา ยืนยัน “หนูไม่ยอม” (ปฏิเสธข่าวยอมเพื่อไทยเรื่องย้าย กระทรวงและปรับครม.)
- “ครูใหญ่เนวิน” โพสต์วลีสำคัญ “เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว” นอกเหนือจากแปะแบนเนอร์ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
ถูกวิจารณ์ถึงนัยแฝงทางการเมือง สู้เรื่องอะไรที่ว่าไม่ถอยจนก้าวเดียว
7 มิ.ย. (เช้า) - “เสี่ยหนู” กลับถึงไทย ให้สัมภาษณ์แรงเรื่องปรับ ครม. “ย้ำจุดยืน…ไม่คืนมหาดไทย”
7 มิ.ย. (ค่ำ) - กกต.+ดีเอสไอ ส่งหมายเรียกคดีฮั้ว สว. ล็อต 6 จำนวน 15 หมาย คนการเมืองภูมิใจไทยล้วนๆ มี สส.ตัวตึง 2 คน
8 มิ.ย. - “เสี่ยหนู” สวมบท “สิงห์” ลงพื้นที่ชายแดนก่อนนายกฯ และลงลึกกว่ารองนายกฯภูมิธรรม
8 มิ.ย.(ค่ำ) - ข่าวแพร่ไปทั่ว หมายเรียก “คนการเมือง” โยงคดีฮั้ว สว. โดยมี “ถุงเงิน น.ใหญ่” ติดโผด้วย
กล่าวกันว่า ใกล้ตัวมากขึ้นทุกที ถ้ามีล็อต 7 ถึงตัวแน่
13 มิ.ย. - ต้องลุ้นว่า “นายใหญ่” จะถูกผูกขาแน่นขึ้นจากคดีชั้น 14 หรือไม่
ถ้าใช่ การปรับ ครม.อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด
ลือแซ่ด “เสี่ยหนู” ได้กิน “ดีเสือ” จาก นายพล ส.เสือ ด้วยหรือเปล่า
“ข่าวข้นคนข่าว” สอบถามแกนนำพรรคสีธงชาติ ที่มีข่าวจะมีปลายทางเหมือนพลังประชารัฐ คือถูกเขี่ยพ้นรัฐบาล และถูกหารเป็น 2 ซีก หรือ 3 ซีก
“คนโต (แต่ตัวเล็ก) พรรคสีธงชาติ” ยืนกราน ได้สัญญาณไม่ต่างจาก “เสี่ยหนู”
ไม่ใช่สัญญาณจากนายกฯ แต่เป็นสัญญาณเหนือกว่านายกฯ และไม่ใช่ผู้มีบารมีของพรรคเพื่อไทย
ส่วนจะเป็นใครให้ไปถาม “หนู กินดีเสือ”