9 มิถุนายน 2568 ความเคลื่อนไหวพรรครวมไทยสร้างชาติ( รทสช.) ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลแพทองธาร ส่งสัญญาณระส่ำหนักมากขึ้นในจังหวะที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เมื่อล่าสุด 21 สส. พรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ทำหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รื่อง ข้อเสนอการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคม อาทิ ความขัดแย้งระหว่างประเทศในภูมิภาค สงครามทางการค้า ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว ความเปราะบางของผู้ประกอบการ SME ตลอดจนภาระค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และอาจบั่นทอนเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังขาดความรู้ความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงการผลักดันนโยบายและการสร้างผลงานของรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติโดยเฉพาะในกรณีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในหลายกรณี อันอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยรวม
กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 และ 184 ซึ่งว่าด้วยการใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ตลอดจนประเด็นที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ซึ่งว่าด้วยการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันอาจส่งผลต่อสถานภาพและคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเห็นว่า คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “ความสุจริตอันเป็นที่ประจักษ์” ซึ่งถือเป็นหลักคุณธรรมพื้นฐาน และเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ด้วยกลไกภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติในปัจจุบันที่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ที่เหมาะสม มาช่วยขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำได้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติตามรายชื่อแนบท้ายจึงได้หารือร่วมกัน โดยยึดหลักความห่วงใยต่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ จึงใคร่ขอเสนอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติในทุกตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีเอกภาพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถาม "ขิง" เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช. ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยนายเอกนัฎบอกว่า ได้ทราบข่าวและเห็นเอกสารแล้ว ได้โทรสอบถามหลายคนที่ปรากฏชื่อและลายเซ็น ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบเรื่องเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเอกสารมีชื่อ อดีตรมต.ปุ้ย "พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล" สส.นครศรีธรรมราช นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รวมอยู่ด้วย แต่ไม่มี นายจุติ ไกรฤกษ์ แกนนำพรรคอีกคนที่ย้ายมาจากประชาธิปัตย์
ด้านนายวิชัย สุดสวาสดิ์ โพสต์ข้อความว่า "ผมในฐานะตัวแทนของสส. ทั้งสามเขตของจังหวัดชุมพร ขอยืนยันว่า "พวกเราไม่เคยได้ลงชื่อในหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ปรับครม. ในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ปรากฎตามข่าว เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง